TMB เผยกำไร Q3/61 เติบโต 179.2% จากงวดปีก่อน หลังรับรู้กำไรขายบลจ.ทหารไทย 1.2 หมื่นลบ.พร้อมหนุนตั้งสำรองฯพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 17, 2018 14:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารทหารไทย (TMB) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 เพิ่มขึ้น 179.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังรับรู้กำไรดีลการขายหุ้น 65% ในบลจ.ทหารไทย ราว 1.2 หมื่นล้านบาท หนุนตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นมาที่ 9.39 พันล้านบาทเตรียมความพร้อมรับมาตรฐานบัญชี IFRS9 ขณะที่สินเชื่อยังเติบโตดี โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้ารายย่อย

TMB แจ้งผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/61 มีกำไรสุทธิ 5.59 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 176.1% จากระดับ 2.03 พันล้านบาทในไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 179.2% จากระดับ 2 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 6.13 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 1% จากงวดปีก่อน ขณะที่มีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย 1.45 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 368.1% จากไตรมาสก่อน และ354.9% จากงวดปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการรับรู้กำไรจากดีล บลจ.ทหารไทย ซึ่งประกอบด้วย กำไรจากการขายหุ้น บลจ.ทหารไทย 65% จำนวน 7.6 พันล้านบาท และกำไรจากการเปลี่ยนแปลงการควบคุมจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วม 35% จำนวน 4.2 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตามธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สงสัญจะสูญเป็นจำนวน 9.39 พันล้านบาท ในไตรมาส 3/61 เทียบกับ 2.38 พันล้านบาทในไตรมาส 2/61 และ 2.39 พันล้านบาทในไตรมาส 3/60 โดยการตั้งสำรองฯที่เพิ่มขึ้นเพื่อปรับลดชั้นสินเชื่ออย่างรอบคอบ และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชี IFRS9 ที่จะใช้ในปี 63 ส่งผลให้อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 157% จาก 140% ณ สิ้นเดือนมิ.ย.61 และ 143% ณ สิ้นเดือนธ.ค.60

สำหรับงวด 9 เดือนแรกปีนี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิ 9.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ (PPOP) อยู่ที่ 2.64 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานหลักยังคงทรงตัว ขณะที่มีการรับรู้กำไรจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท จากการขายหุ้นบลจ.ทหารไทย 65% เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรกับ อีสท์สปริง อินเวสต์เมนทส์ (สิงคโปร์) และกำไรจากการเปลี่ยนแปลงการควบคุมจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วม 35% ทั้งนี้ จาก PPOP ที่สูงขึ้น ธนาคารจึงดำเนินการตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นจากระดับปกติ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับ IFRS9 และเพื่อดูแลคุณภาพสินทรัพย์ ส่งผลให้การตั้งสำรองฯในงวด 9 เดือนแรกปีนี้ของธนาคารอยู่ที่ 1.41 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 6.91 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนผลดำเนินงานหลักงวด 9 เดือนแรกปีนี้ ธนาคารขยายฐานเงินฝากเพิ่มขึ้นได้ 4.5% จากสิ้นปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 6.39 แสนล้านบาท ตามการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเงินฝากลูกค้ารายย่อย ผ่านผลิตภัณฑ์หลักอย่าง เงินฝาก "ทีเอ็มบี โน-ฟิกซ์" (TMB No-Fixed) ที่เติบโต 13% หรือ 3.0 หมื่นล้านบาท และเงินฝาก ME Save ซึ่งเป็นเงินฝากรูปแบบดิจิทัล ที่เติบโตได้ 10% หรือ 4.1 พันล้านบาท

ทางด้านสินเชื่อ สินเชื่อคุณภาพเพิ่มขึ้น 3.3% มาอยู่ที่ 6.46 แสนล้านบาท ตามการเติบโตของสินเชื่อกลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะจากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น 13% หรือ 1.8 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ การขยายสินเชื่อบ้านเป็นไปอย่างรอบคอบ โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ประจำ และวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาท ในส่วนของลูกค้าธุรกิจ สินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ยังคงเติบโตได้ดีที่ 4% หรือ 9 พันล้านบาท สำหรับสินเชื่อเอสเอ็มอีขนาดเล็กยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นผลมาจากการดำเนินการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังของธนาคาร ทำให้ภาพรวม 9 เดือนแรกปี้ สินเชื่อเอสเอ็มอีขนาดเล็กยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ขณะที่สินเชื่อด้อยคุณภาพมีจำนวน 2.09 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ 2.69%

สำหรับส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) อยู่ที่ 2.96% ลดลงจาก 3.16% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 2% มาอยู่ที่ 1.83 หมื่นล้านบาท และแม้รายได้ค่าธรรมเนียมชะลอลง 4% แต่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 127% มาอยู่ที่ 2.09 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 3 ธนาคารมีการบันทึกกำไร 1.2 หมื่นล้านบาท จากการขายหุ้นในบลจ.ทหารไทย ให้กับบริษัท พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย จำกัด เพื่อเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับอีสท์สปริง อินเวสต์เมนทส์ (สิงคโปร์) และกำไรจากการเปลี่ยนแปลงการควบคุมจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วม 35%

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ TMB กล่าวว่า ธนาคารต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้กับลูกค้าโดยไม่ยึดติดกับการธนาคารในรูปแบบเดิม ๆ โดยมั่นใจว่าการจับมือกับอีสท์สปริงจะส่งผลดีต่อลูกค้าทั้งของธนาคาร และบลจ.ทหารไทย เนื่องจากอีสท์สปริงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารสินทรัพย์ในระดับโลกและในหลายมิติของการลงทุน ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของบลจ.ทหารไทย และตอกย้ำกลยุทธ์การให้บริการด้านกองทุนรวม หรือ ‘TMB Open Architecture’ ของธนาคาร โดยลูกค้าของธนาคารจะได้รับบริการด้านการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญในระดับโลก และสามารถเข้าถึงกองทุนรวมชั้นนำจากต่างประเทศที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้า ‘Get More’ หรือ ‘ได้มากกว่า’


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ