ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับหลักทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ใช้ชื่อย่อ TFFIF หมวดอุตสาหกรรม ขนส่งและโลจิสติกส์ กลุ่มอุตสาหกรรม บริการ เข้าซื้อขายใน SET ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.61 โดยมีจำนวนหน่วยทั้งสิ้น 4,570 ล้านหน่วย พาร์หน่วยละ 10 บาท ราคาเสนอขาย 10 บาท/หน่วย
TFFIF ลงทุนในสิทธิที่จะได้รับรายได้ร้อยละ 45 ของรายได้ค่าผ่านทางรวมสุทธิที่จัดเก็บได้จากเส้นทางในปัจจุบันของทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์-วงแหวนรอบนอก) และทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ระยะทางรวม 83.2 กิโลเมตร และทางพิเศษบูรพาวิถี เป็นระยะเวลา 30 ปี นับจากวันที่ 29 ต.ค.61 (วันโอนสิทธิตามสัญญาโอนและรับโอนสิทธิในรายได้) โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม ยังเป็นเจ้าของทรัพย์สินและเป็นผู้บริหารจัดการทางพิเศษดังกล่าว นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังเข้าถือหน่วยลงทุนในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
สำหรับหน่วยลงทุนจำนวน 4,570 ล้านหน่วย แบ่งเป็นหน่วยลงทุนเดิม 100 ล้านหน่วย และหน่วยลงทุนส่วนเพิ่ม 4,470 ล้านหน่วย ที่เสนอขายระหว่างวันที่ 12-19 ต.ค.61 เสนอขายผู้จองซื้อทั่วไป 2,300 หน่วย และระหว่างวันที่ 22 ,24-25 ต.ค.61 เสนอขายผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจง 1,341 ล้านหน่วย ,ผู้จองซื้อพิเศษ (ยกเว้นกระทรวงการคลัง) 472 ล้านหน่วย และกระทรวงการคลัง 357 ล้านหน่วย
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ของตลท. กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "TFFIF" ในวันที่ 31 ต.ค.61
TFFIF จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อ 24 พ.ย.59 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1,000 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังถือหน่วยลงทุนทั้งหมด TFFIF เสนอขายหน่วยลงทุนส่วนเพิ่มทุนจำหน่วย 4,470 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 10 บาท รวมมูลค่าระดมทุน 44,700 ล้านบาท โดยมีบลจ.กรุงไทย และบลจ.เอ็มเอฟซี เป็นผู้จัดการกองทุน และมีบล.ภัทร ,บล.ฟินันซ่า และธนาคารกรุงไทย (KTB) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน
ทั้งนี้ TFFIF เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่มีคุณภาพของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เพื่อเพิ่มความสามารถแข่งขันของประเทศ TFFIF ถือเป็นทางเลือกในการสร้างผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน จากส่วนแบ่งรายได้ของทางพิเศษที่มีความมั่นคงและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงโอกาสในการเติบโตจากปริมาณการจราจรบนทางพิเศษ และการขยายระบบทางด่วนและทางเชื่อมต่อในอนาคตที่จะเข้ามาใช้ทางพิเศษ รวมถึงการเข้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมในอนาคต
นอกจากนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดายังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผลเป็นระยะเวลาประมาณ 8 ปี TFFIF มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ตามที่ระบุไว้ในโครงการจัดการกองทุน อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เมื่อมีกำไรสะสมเพียงพอและไม่มียอดขาดทุนสะสม โดยเมื่อรวมแล้วในแต่ละงวดปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว โดยหลังเสนอขายหน่วยลงทุนส่วนเพิ่ม TFFIF มีผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 3 รายแรก ได้แก่ กระทรวงการคลังร้อยละ 10 , AIA Company Limited–EQ3-P ร้อยละ 3.76 และ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ร้อยละ 3.76