(เพิ่มเติม) PSTC ลงทุนโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันในภาคอีสานมูลค่า 9.2 พันลบ.คาดเปิดใช้ Q4/64

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 23, 2018 17:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี (PSTC) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติและเห็นควรเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ครั้งที่ 1/2562 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าลงทุนในโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยบริษัท ไทยไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นโดยอ้อมผ่านบริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด (BIGGAS)

อนึ่ง PSTC ถือหุ้นใน BIGGAS ในสัดส่วนประมาณ 51% และ BIGGAS ถือหุ้นใน TPN ในสัดส่วน 100%

โครงการดังกล่าวเป็นการต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันจากระบบเดิมของบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด ไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีจุดเริ่มต้นก่อสร้างระบบท่อขนส่งน้ำมันต้นทางที่จังหวัดสระบุรีและสิ้นสุดที่คลังน้ำมันปลายทางในจังหวัดขอนแก่น คิดเป็นระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 350 กิโลเมตร และมีมูลค่าการลงทุนทั้งโครงการประมาณ 9,201.10 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าที่ดิน 1.6 กิโลเมตร สำหรับวางท่อขนส่งน้ำมัน ที่ดินสำหรับสถานีควบคุมน้ำมัน (Block Valve) และที่ดินสำหรับก่อสร้างคลังน้ำมัน 202-1-91.2 ไร่ รวมถึงค่าที่ปรึกษาและค่าก่อสร้างระบบขนส่งน้ำมัน

ทั้งนี้ จะดำเนินการก่อสร้างในไตรมาส 2/62 และในเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ 30 เดือน และจะสามารถเปิดใช้งานระบบท่อขนส่งน้ำมันได้ภายในประมาณไตรมาส 4/64

แหล่งเงินที่ได้แก่ หุ้นเพิ่มทุน PSTC จำนวน 650 ล้านหุ้นที่คาดว่าสามารถจัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) หรือ จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนออกใหม่ของ TPN และ/หรือเสนอขายหุ้น TPN เดิมให้กับบุคคลในวงจำกัด ได้แก่ Strategic Partners ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นใน TPN ลดลงไป ซึ่งบริษัทมีนโยบายที่จะยังคงถือหุ้นใน TPN ไม่น้อยกว่า 51%

และ/หรือออกหุ้นกู้ระยะยาว และ/หรือ เงินกุ้จากสถาบันการเงิน จำนวนประมาณ 7,200 ล้านบาท โดยปัจจุบัน TPN ได้รับข้อเสนอจากสถาบันการเงินหลายแก่งที่จะให้การสนับสนุนเงินกู้ในการทำโครงการนี้เป็นจำนวน 7,000 - 7,500 ล้านบาท ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาทางเลือกในการลงทุนที่ดีและเหมาะสมที่สุด

ส่วนแหล่งเงินทุนสำหรับค่าเช่าที่ดินรายปีที่จะชำระให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ประมาณ 8.4 ล้านบาทต่อปี ค่าเช่าพื้นที่คลังน้ำมันสระบุรีของ Thappline ตรงจุดเชื่อมพื้นที่ประมาณ 6,536 ตารางเมตร มีค่าเช่าต่อปีประมาณ 11.8 ล้านบาท และค่าจ้าง Thappline ในการบริหารคลังน้ำมันที่สระบุรี ประมาณ 12 ล้านบาทต่อปี จะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินธุรกิจและเงินทุนหมุนเวียนของ TPN

PSTC ระบุว่า บริษัทเล็งเห็นว่าการลงทุนโครงการดังกล่าว จะเป็นการต่อยอดทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทไปยังโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขนส่งน้ำมันไปยังภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือและการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานเชื่อเพลิงอื่น ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้และกำไรให้แก่บริษัท ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน 12.12% และมีระยะเวลาคืนทุน 13.63 ต่อปี

สำหรับการเข้าลงทุนในโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันฯให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อแก่กลุ่มสถานีบริการน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นการขยายการให้บริการกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้ารายอื่นที่ได้รับอนุญาตเป็นผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเสรมิการให้บริการกับลูกค้าทำให้สามารถรักษาฐานลูกค้าและสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าเพิ่มมากชึ้น รวมถึงเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายไปยังลูกค้าในกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง

เงื่อนไขในการทำรายการครั้งนี้ โครงการระบบท่อส่งน้ำมัน จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ครั้งที่ 1/2562 และ TPN สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไข และกฎเกณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องในการทำรายการซึ่งกรมธุรกิจพลังงานจะมีส่วนร่วมในการพิจารณารายละเอียดของโครงการ โดย TPN จะต้องดำเนินกาตามแผนการดำเนินงาน ได้กก่ จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมผสผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับความเห็นชอบจากสผ.ภายในเดือน มี.ค.62

ขณะที่การออกแบบรายละเอียดเกี่ยวกับแนวเส้นทาง และแบบก่อสร้างระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อและคลังน้ำมัน ทั้งนี้ TPN ดำเนินการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และได้รับหนังสือยินยอมให้ใช้เขตทางจากกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทรวมถึงองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นเจ้าของที่ดินที่แนววางท่อน้ำมันผ่าน โดยบริษัทคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนมี.ค.62

และยื่นขอใบอนุญาตระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อและคลังน้ำมันต่อกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ตามข้อบังคับของกิจการควบคุมประเภทที่ 3 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2542 โดยบริษัทคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.62 และได้รับหนังสือเห็นชอบจากสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดขอนแก่นและใบอนุญาตก่อสร้างคลังน้ำมันจากอบต.เมือเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแ ก่น โดยบริษัทคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.62

ทั้งนี้ กำหนดวันประชมุวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 ในวันที่ 11 ม.ค.62 โดยกำหนดรายชื่อผู่ถือหุ้น (Record Date)เพื่อสิทธิเข้าร่วมประชุมวันที่ 12 ธ.ค.61

นายภาณุ ศีติสาร ประธานกรรมการ PSTC เปิดเผยว่า ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA กับทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ (สผ.) คาดว่าเมื่อได้รับการอนุมัติเห็นชอบ EIA แล้ว จะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ทันที ซึ่งในขณะนี้บริษัทฯมีความพร้อมด้านเงินทุน โดยปัจจุบันมีพันธมิตรรายใหญ่กว่า 2-3 รายให้ความสนใจเข้าร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะจบภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายที่จะยังคงสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TPN ไว้

"จากการที่มีพันธมิตรรายใหญ่และกองทุนต่างประเทศกว่า 2-3 ราย ให้ความสนใจเข้าร่วมลงทุนในโครงการ ซึ่งบริษัทจะขายหุ้นเดิมและหุ้นเพิ่มทุนของ TPN จำนวนหนึ่งออกไปนั้น จะทำให้บริษัทได้เงินมาเพียงพอในส่วนของทุน มากไปกว่านั้นจากงบไตรมาส 3 บริษัทมีหนี้สินต่อทุนเพียง 0.68 เท่า ทำให้บริษัทยังมีเครื่องมือทางการเงินในการจัดหาเงินทุนมารองรับในการลงทุนโครงการนี้ได้อีกหลายทางและไม่กระทบต่อสัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัท จึงขอให้มั่นใจว่าบริษัทไม่มีแผนเพิ่มทุนอื่นใดเพิ่มเติมอย่างแน่นอน"

ในส่วนของ BIGGAS ซึ่งบริษัท PSTC ได้เข้ามาถือหุ้น 51% เมื่อปลายปีที่แล้ว คาดว่าปี 61 จะมียอดขายเติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนหน้า กว่า 100% รวมถึงอัตราผลกำไรที่สูงขึ้นอย่างชัดเจนทั้งจากผลการดำเนินธุรกิจและกำไรจากการขายหุ้น TPN ส่วนหนึ่งออกไป และบริษัทฯได้วางเป้าเติบโตต่อเนื่องในปี 62 ประมาณ 20-25% บริษัทเชื่อมั่นว่า หากโครงการก่อสร้างท่อน้ำมันของ TPN แล้วเสร็จในกลางปี 64 จะสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอและมีเสถียรภาพให้กับกลุ่มบริษัทต่อไปในระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ