บมจ.แสนสิริ (SIRI) แจ้งโครงการซื้อหุ้นคืน
เรื่อง : ซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน วันที่คณะกรรมการมีมติ : 23 พ.ย. 2561 จำนวนหุ้นที่ซื้อคืน(หุ้น) : 1,486,273,432 %ของจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว : 10.00 วงเงินซื้อหุ้นคืน(ล้านบาท) : 3,000.00 วิธีการในการซื้อหุ้นคืน : ซื้อหุ้นคืนผ่านตลาดหลักทรัพย์ วันที่เริ่มต้น - วันที่สิ้นสุดการซื้อหุ้นคืน : วันที่ 11 ธ.ค. 2561 ถึงวันที่ 10 มิ.ย. 2562
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ SIRI กล่าวว่า การซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้มีผลทำ ให้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากจำนวนหุ้นที่ลดลงจากการซื้อ หุ้นคืน จากจำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย (Free float) ณ วันที่คณะกรรมการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มี.ค.61 เท่ากับ 70.89% ของทุนชำระแล้วของบริษัท
นอกจากนี้ยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield) มีแนวโน้มสูงขึ้น เมื่อพิจารณาจากการที่ บริษัทจ่ายเงินปันผลเท่าเดิม ในขณะที่จำนวนหุ้นลดลง ซึ่งจะส่งผลให้เงินปันผลต่อหุ้นสูงขึ้น ทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนต่อหุ้นสูงขึ้น เนื่องจากหุ้นที่บริษัทซื้อคืนไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผล และจะทำให้อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้นเช่นกัน
"การดำเนินการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ นับเป็นการสะท้อนถึงความมั่นใจการดำเนินธุรกิจและสถานะทางการเงินที่มั่นคงของ บริษัท รวมถึงจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้น โดยฐานะทางการเงินล่าสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.61 บริษัทมีกำไรสะสมเท่า กับ 9,326.9 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีกำไรสะสมและมีนโยบายจ่ายปันผลสูงถึง 50% ของกำไรสุทธิ และยังสามารถจ่ายปันผล ระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ ปัจจุบัน (Dividend Yield) คิดเป็น 9.01% ซึ่งนับเป็นอัตราที่ค่อนข้าง สูง" นายวันจักร์ กล่าว
ทั้งนี้ SIRI ยังคงเดินหน้าสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 34 ปี โดยล่าสุดบริษัทมียอดขาย 44,800 ล้าน บาท คิดเป็นเกือบ 90% จากเป้าหมายยอดขายที่มีการปรับเพิ่มเป็น 50,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี Presale Backlog ทั้งใน ส่วนของ SIRI และบริษัทร่วมทุน ที่จะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปในอีก 5 ปีข้างหน้า ถึง 60,000 ล้านบาท ซึ่งสร้างความเชื่อมั่น และความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาวได้เป็นอย่างดี