SCB ตั้งเป้าปี 62 สินเชื่อโต 5-7% NPL ไม่เกิน 3% ,ปี 61 กำไรลดลง 7.1% หลังตั้งสำรองฯเพิ่มรับศก.ผันผวน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 18, 2019 08:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารเมื่อวานนี้ (17 ม.ค.) มีมติอนุมัติเป้าหมายทาง การเงินของธนาคาร สำหรับปี 2562 ซึ่งเป็นเพียงการคาดการณ์เบื้องต้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสภาพการดำเนินธุรกิจที่ อาจไม่เป็นไปตามคาดการณ์ หากสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป

          ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัทย่อย                     เป้าหมายทางการเงิน ปี 62
          Net Interest Margin (NIM)                         3.2-3.5%
          Non-Interest Income Growth                        Up to 5%
          Cost to Income Ratio                              Mid-40s%
          Loan Growth                                       5.0-7.0%
          NPL Ratio (Gross)                                  <= 3.0%
          Coverage Ratio                                     >= 130%
          Credit cost (bps)                                  115-135

สำหรับผลประกอบการในปี 2561 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 40,068 ล้านบาท ลดลง 7.1% จากจำนวน 43,152 ล้าน บาทในปี 2560 เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการขยายฐานลูกค้าบน ระบบดิจิทัลของธนาคารภายใต้โครงการ SCB Transformation และการลดลงของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยทั้งจากรายได้ค่า ธรรมเนียมสุทธิ และรายได้สุทธิจากการรับประกันภัย รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 1.5% จากปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก การเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ 4.4% จากปีก่อน ซึ่งมาจากปริมาณของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ค่อน ข้างทรงตัว

ในปี 2561 ธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 24,023 ล้านบาท หรือ 1.15% ของสินเชื่อรวม ซึ่งได้รวม สำรองพิเศษบนพื้นฐานความระมัดระวังประมาณ 4,000 ล้านบาทในไตรมาส 4/61 เพื่อป้องกันความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอก ขณะที่ธนาคารมีแนวทางการดำเนินธุรกิจที่จะเน้นการเติบโตของสินเชื่อไม่มีหลักประกันและสินเชื่อในรูปแบบดิจิทัล ส่งผลให้ในไตร มาส 4/61 ธนาคารได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรวม 8,871 ล้านบาท เพื่อรองรับผลกระทบจากความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นดัง กล่าว ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพสิ้นปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 147% เมื่อเทียบกับ 137% ในปีก่อน

ทั้งนี้ การขยายตัวของสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 5.2% จากปีก่อนหน้า ต่ำกว่าระดับเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อ ปี 2561 ของธนาคารที่อยู่ระดับ 6-8% เล็กน้อย

ในปี 2561 รายได้จากการดำเนินงานของธนาคารยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวน 138,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% จากปีก่อน เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโต 4.4% ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลง 4.7% จากปีก่อน การยกเลิกค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล การชะลอตัวของธุรกิจประกันภัย และการลดลงของค่า ธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศในครึ่งปีหลัง เป็นสาเหตุหลักของการลดลงของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของธนาคารเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องในโครงการ Transformation ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 46.8% ในปี 2561 ซึ่งอยู่ในระดับที่คาดการณ์ ไว้ที่ 45-47% ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อผลลัพธ์ของโครงการ Transformation ปรากฏเด่นชัดขึ้นตามลำดับตั้งแต่ปี 2562

ทั้งนี้ จากแนวโน้มเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปี 2562 ธนาคารคาดว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายหนี้สูญต่อ สินเชื่อ (Credit cost) ในปี 2562 จะอยู่ในระดับ 1.15-1.35% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 1.15% ในปี 2561 ณ สิ้นเดือน ธันวาคม 2561 อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 2.85% และเงินกองทุนตามกฎหมายของธนาคารยังอยู่ในระดับแข็ง แกร่งที่ 17.1%

ธนาคารได้ผลักดันการดำเนินงานโครงการ Transformation อย่างต่อเนื่องซึ่งมีความคืบหน้าอย่างเด่นชัด โดยมี จำนวนผู้ใช้งานดิจิทัล 9 ล้านรายในปี 2561 สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต ธนาคารจะมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าจากโครงการ Transformation เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านการผสมผสานความสามารถใหม่ต่าง ๆ ต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรทาง ธุรกิจ รวมถึงพัฒนา ecosystem และแพลตฟอร์มเพื่อนำเสนอคุณค่าสูงสุดแก่ลูกค้า โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานดิจิทัลเป็น 12 ล้านรายภายในปี 2562

สำหรับเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมที่ 5-7% ในปี 2562 ธนาคารมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อของลูกค้าบุคคลและ สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก อาทิ บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล แสวงหาโอกาสในการเติบโตจากธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง และ นำเทคโนโลยีดิจิทัลภายใต้โครงการ Transformation มาใช้ เพื่อลดต้นทุนในการให้บริการและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ SCB กล่าวว่า ธุรกิจหลักของ ธนาคารยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่ากำไรสุทธิในปี 2561 จะปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้า ธนาคารยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อ เนื่อง โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าและการใช้งานบนระบบดิจิทัลที่เติบโตอย่างมาก ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังคงอยู่ในระดับ สูงจากการลงทุนในโครงการ Transformation ซึ่งคาดว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับ

"แผนการดำเนินงานในอนาคต ธนาคารมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าจากโครงการ Transformation ให้เกิดประโยชน์สูง สุด เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลรูปแบบใหม่และส่งมอบคุณค่าที่แตกต่างให้กับลูกค้า พร้อมทั้งสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์ กลาง ผลักดันแนวคิดและวิธีการทำงานที่ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมทั้งความรวดเร็วในการปรับตัว การเรียนรู้และการลองผิดลอง ถูก รวมถึงยึดมั่นในการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ท่ามกลางความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ธนาคารยังคงมุ่งมั่นที่ จะเป็น 'ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด' และเป็นผู้นำในการวางรูปแบบการดำเนินธุรกิจการธนาคารของประเทศไทยในอนาคต"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ