INTUCH คาดปี 62 รายได้ธุรกิจดาวเทียม-ตปท.อ่อนตัวลง ,ตั้งงบลงทุนเวนเจอร์ แคปปิตอล ไม่เกิน 200 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 11, 2019 08:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) คาดการณ์ผลประกอบการในปี 2562 โดยคาดว่ารายได้จากธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งมาจากการดำเนินงานของบมจ.ไทยคม (THCOM) จะอ่อนตัวลงจากปี 2561 เนื่องจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมการให้บริการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการชะลอตัวของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ จึงทำให้มีการแข่งขันสูงในตลาด โดยภาพการแข่งขันในตลาดเน้นเรื่องการลดราคาเพื่อรักษาลูกค้าเก่าและจูงใจลูกค้าใหม่ให้มาใช้งาน

สำหรับดาวเทียมแบบทั่วไป คาดว่าอัตราการใช้งานดาวเทียม ณ สิ้นปี 2562 จะอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับ ณ สิ้นปี 2561 โดยยังคงเน้นการหาลูกค้าใหม่ในแถบทวีปแอฟริกา ภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และเอเชียใต้ ส่วนดาวเทียมบรอดแบนด์ คาดว่าอัตราการใช้งานดาวเทียมจะเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2561 เนื่องจากการวางแผนในการหาลูกค้าเพิ่มเติมในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และจีน

ด้านส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส โดยมีการประมาณการว่ารายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่ายและค่าเช่าเครื่องและอุปกรณ์) เพิ่มขึ้นอัตราเลขตัวเดียวระดับกลางจากปี 2561 โดยเน้นสร้างความแข็งแกร่งการเติบโตในธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ขณะเดียวกันขยายการเติบโตในธุรกิจอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ และการขยายฐานลูกค้าธุรกิจด้วยการสร้างการให้บริการทางด้านดิจิทัลใหม่ ๆ โดยมีเงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 20,000-25,000 ล้านบาท (ไม่รวมค่าใบอนุญาต ซึ่งจะใช้สำหรับการขยายคุณภาพโครงข่าย 4G เป็นหลัก และประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาทใช้สำหรับการขยายธุรกิจอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ ขณะที่ประมาณการอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) ซึ่งไม่รวมค่าเช่าเครื่องและอุปกรณ์ ใกล้เคียงกับปี 2561 จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และการควบคุมต้นทุน

สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า ซึ่งเป็นการรับรู้ผลกำไรจากบริษัทร่วมค้า ได้แก่ บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (แอลทีซี) และบริษัทไฮ ช็อปปิ้ง จำกัด ตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยปี 2562 ไฮ ช็อปปิ้ง ยังคงกลยุทธ์การร่วมมือกับผู้ให้บริการออกอากาศช่องดาวเทียมและช่องรายการโทรทัศน์ที่มีฐานผู้ชมที่แข็งแกร่ง เพื่อสร้างตลาดใหม่ให้เป็นที่รู้จัก และยังคงเน้นการนำเสนอสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เช่น สินค้าแฟชั่น สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม โดยตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือมียอดขายเฉลี่ยที่มากกว่า 3 ล้านบาท/วัน

ส่วนวงเงินงบประมาณสำหรับการลงทุนในบริษัทร่วมลงทุน เวนเจอร์ แคปปิตอล ในระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา อินทัชได้ใช้เงินลงทุนไปแล้วทั้งสิ้นประมาณ 525 ล้านนบาท สำหรับการลงทุนในบริษัทร่วมลงทุนภายใต้โครงการอินเว้นท์ จำนวน 17 บริษัท โดยมูลค่าเงินลงทุนในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 792 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 51% จากมูลค่าบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้น และการรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนในบางบริษัท ขณะเดียวกันได้ทำการตัดมูลค่าเงินลงทุนในบางบริษัทที่เล็งเห็นว่ามีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง

ทั้งนี้ ในปัจจุบันยังคงมีอีกหลายบริษัทที่อยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุน โดยอินทัชยังคงนโยบายการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคม สื่อ เทคโนโลยี และดิจิทัล ภายใต้เงินลงทุน 200 ล้านบาท/ปี โดยในปี 2562 บริษัทได้ขยายขอบเขตการลงทุนไปยังบริษัทที่อยู่ในช่วงการพัฒนาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น หรือเป็นบริษัทที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งแสวงหาการลงทุนที่สามารถต่อยอดการเกิดขึ้นของเทคโนโลยี 5G ได้ในอนาคต

ในปี 2561 อินทัชมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วม จำนวน 11,765 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมทั้งค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหารอยู่ที่ 338 ล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในปี 2562 อินทัชยังคงประมาณการค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมทั้งค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหารที่ราว 400 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายหลักจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน และค่าใช้จ่ายสำหรับการหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ

สำหรับผลการดำเนินงานรวมในปี 2561 อินทัชและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 11,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากกำไรสุทธิ 10,673 ล้านบาทในปี 2560


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ