IPO INSIGHT: ซีอีโอ All จากมนุษย์เงินเดือนวางเป้าท้าทายก้าวขึ้นสู่ TOP 10 อสังหาฯใน 5 ปีหลังเข้าตลาด mai

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 22, 2019 11:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

จากความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ"ธนากร ธนวริทธิ์"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) การันตีความพร้อมด้วยการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในเดือน พ.ค.62 ก่อนเตรียมเปิดเสนอขายหุ้นไอพีโอ 150 ล้านหุ้นให้ผู้ลงทุนที่สนใจในช่วงปลายเดือน เม.ย.62 พร้อมวางเป้าอย่างท้าทายก้าวสู่ Top 10 อสังหาฯแนวหน้าของไทยภายใน 5 ปี

*เริ่มต้นจากชีวิตมนุษย์เงินเดือนก้าวสู่ ซีอีโอ "All Inspire"

กว่าจะก้าวมาเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯของเมืองไทยในวันนี้ ย้อนอดีตของนายธนากรผ่านจุดเริ่มต้นจากมนุษย์เงินเดือนกินรายรับเพียง 2,800 บาท/เดือน โดยให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเคสวท์"ว่า เมื่อย้อนไป 20 ปีที่แล้ว เขาเข้าไปเป็นพนักงานในบริษัทพัฒนาอสังหาฯแห่งหนึ่ง จากนั้นมีโอกาสทำงานหลายรูปแบบ โดยเฉพาะสายงานที่คุ้นเคยกับลูกค้าฝั่ง Retail, การเลือกทำเล, ดูแลงานก่อสร้าง, ด้านการตลาด และยังเข้าไปดูแลด้านการเงินอีกด้วย

นายธนากร เปิดเผยว่า ช่วงที่ใช้ชีวิตมนุษย์เงินเดือนเพิ่งซื้อบ้านหลังแรก ทำให้เกิดแรงบันดาลใจว่าอยากสร้างที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามนุษย์เงินเดือนด้วยกัน แต่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกตามวิถีการใช้ชีวิต ขณะที่มีดีไซด์สวยงาม ทำเลเหมาะสมกับการเดินทาง และที่สำคัญคือราคาต้องจับต้องได้

"เมื่อ 20 ปีก่อนผมเคยเริ่มต้นทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน 2,800 บาท/เดือน แต่ด้วยความที่เรามีความมุ่งมั่น ชอบเรียนรู้ และมีความตั้งใจอยากช่วยเหลือที่ครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นแรงบันดาลใจให้เราพัฒนาตัวเอง โดยยึดหลักแนวคิดที่ว่า คนอื่นทำเต็มที่ร้อย แต่เราต้องทำเป็นสามร้อย หรือมากกว่าที่คนทั่วไปกำลังทำ ทำให้เราเก่งเร็วกว่าคนอื่น"

*อสังหาฯตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือน ความแตกต่างเชิงกลยุทธ์

นายธนากร กล่าวถึงที่มาที่ไปของแบรนด์ "All Inspire"ว่า แปลเป็นภาษาวัยรุ่นว่า"ทำหมดใจ"นั่นคือเป้าหมายของบริษัท ที่ต้องการยกระดับให้เป็น "Total Real Estate Solutions"

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงต้นทุนที่ดินที่แพงขึ้นรวดเร็ว แต่ศักยภาพของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยไม่ได้ปรับขึ้นตาม ทำให้ ALL ต้องปรับตัวให้มีความหลากหลายธุรกิจอสังหาฯแบบครบวงจร ซึ่งไม่ได้สร้างและขายเพียงอย่างเดียว

ปัจจุบัน ALL มีบริษัทลูกที่ทำหน้าที่กระจายสินค้าให้กับผู้ซื้อชาวต่างชาติ ซึ่งรวมถึงสินค้าของผู้ประกอบการรายอื่นด้วย ทำให้มีรายได้เพิ่มจากค่านายหน้า รวมทั้งมีบริษัทลูกทำหน้าที่เข้าไปซื้อกิจการอสังหาฯรายย่อยที่สร้างเสร็จแล้วและมียอดขายระดับหนึ่ง เพื่อนำมาเพิ่มมูลค่าด้วยการตกแต่งและขายต่อให้กับผู้ซื้อพร้อมอยู่

อีกทั้งมีบริษัทลูกที่ทำธุรกิจนิติบุคคลเป็นผู้บริหารอาคารชุด ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ยังไม่ได้นับรวมกับธุรกิจหลักที่มีทั้งโครงการเปิดใหม่ สร้างยอดขายที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) และที่อยู่อาศัยในมือพร้อมขาย ช่วยให้บริษัทเติบโตโดดเด่นตลอด 3-5 ปีข้างหน้า

"ความแตกต่างเชิงกลยุทธ์คือเรายึดหลักกลุ่มลูกค้าฐานใหญ่ที่มีเงินเดือน 25,000-50,000 บาท/เดือน ถ้าเป็นการกู้ร่วมราคาที่อยู่อาศัยจะกู้ได้ 3-4 ล้านบาท ต่อมาเราจะโฟกัสทำเลใกล้พื้นที่รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว กับ MRT สายหลักที่ให้บริการแล้ว เพราะว่ารถไฟฟ้าทั้ง 2 สายเป็นเหมือนกระดูสันหลังของกรุงเทพฯ มีความต้องการในตลาดสูง ทำเลไม่ได้ถึงขั้นต้องติดรถไฟฟ้าเลย เพราะต้นทุนที่ดินแพงมาก จุดเด่นด้านทำเลคือจะเข้าซอยไปประมาณ 600-700 เมตร ต้นทุนที่ดินจะถูกกว่า 2-3 เท่า ทำให้กลุ่มลูกค้าเราเข้าถึงสินค้าได้ง่าย พร้อมกับเติมเต็มด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีกว่า และตกแต่งครบ การเข้าไปในพื้นที่นั้นจะเริ่มจากคอนโด Low Rise สร้างเร็ว ขายเร็ว แล้วค่อยๆขยายโครงการเพิ่มในพื้นที่ ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก จากนั้นคอนโด High Rise บริหารความเสี่ยงโดยการชักชวนพันธมิตรกลุ่มญี่ปุ่นเข้ามาร่วมพัฒนา ช่วยเติมเต็มด้านการเงิน ,Branding,Knowhow เพื่อขยายที่อยู่อาศัยให้มีความหลากหลายมากขึ้น"

*ตั้งความหวังผลักดันผลงานโตเท่าตัวภายใน 2-3 ปี

นายธนากร กล่าวย้ำว่า ผลประกอบการตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถเติบโตแบบ Organic Growth หรือโตด้วยกำลังของบริษัทเอง ตามข้อมูลที่นำเสนอให้กับผู้ลงทุนว่าตั้งแต่ปี 59-61 บริษัทมีรายได้รวม 420 ล้านบาท, 714 ล้านบาท และ 2,343 ล้านบาท ตามลำดับ และในช่วงเวลาเดียวกันมีกำไรสุทธิ 11 ล้านบาท, 81 ล้านบาท และ 343 ล้านบาท ตามลำดับ แสดงให้ถึงประสิทธิภาพและความสามารถทำกำไรอยู่ในระดับที่ดี

"ในเมื่อเราโฟกัสฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ และมีบริษัทลูกเข้ามาช่วยกระจายสินค้าหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ที่เก็บเงินดาวน์ได้ 30% เมื่อคอนโดฯแล้วเสร็จลูกค้าจ่ายเงินสดทันทีรับรู้รายได้รวดเร็ว ถ้าสังเกตุในอุตสาหกรรมส่วนมากมียอดปฎิเสธสินเชื่อ (Reject Rate) ในอัตราสูงเลข 2 หลัก แต่ของบริษัทมี Reject Rate แค่ 1-2% ของรายได้รวมเท่านั้น สะท้อนว่าสินค้าบริษัทมีความต้องการสูงจากทุกกลุ่มลูกค้าไทยและต่างชาติ ขณะเดียวกันบริษัทดำเนินการควบคู่กันไปทั้งการเพิ่มรายได้ และควบคุมต้นทุน"

แม้ว่า All กำลังเข้าไปเป็นหุ้นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่นายธนากร มีความเชื่อมั่นว่าจะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่จิ๋วแต่แจ๋ว การันตีด้วยตัวเลขทางการเงิน ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่า 6,300 ล้านบาท ซึ่งในสัดส่วน 60-70% พร้อมโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้เป็นรายได้ภายในปี 62 และยังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 6 โครงการ มูลค่ารวมสูงถึง 18,000 ล้านบาท ขณะที่มีที่อยู่อาศัยพร้อมขายอยู่ในสต็อกอีกกว่า 8,000 ล้านบาท จากตัวเลขข้างต้นน่าจะยืนยันได้ว่า "All Inspire" จะสามารถเติบโตได้เป็นเท่าตัวภายใน 2-3 ปีข้างหน้า

*เข้าระดมทุนตลาด mai ปั้น All ติด TOP10 อสังหาฯไทย

ก้าวต่อไปภายหลังเข้าไปเป็นบริษัทจดททะเบียนแล้ว นายธนากร วางเป้าหมายพา All ก้าวขึ้นไปติดอันดับ 1 ใน 10 ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของเมืองไทยภายใน 5 ปีข้างหน้าอีกด้วย

"ความรู้สึกที่เข้าไปเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นสิ่งที่เราตั้งใจไว้อยู่แล้ว เรารู้บทบาทว่าจะเข้าไปเพื่ออะไร แม้จะยังเป็นน้องใหม่ แต่เป็นน้องใหม่ที่จิ๋วแต่แจ๋ว ยังเป็นหนุ่มที่มีไฟแรง ผมเชื่อมั่นว่า "All Inspire" สามารถเป็น Growth Stock สังเกตุได้จากสถิติที่ผ่านมา และปัจจุบันเราการันตีด้วย Backlog โครงการใหม่ๆที่จะเปิด เราค่อนข้างตื่นเต้นและสนุก มีเป้าหมายอยากขึ้นเป็น 1 ใน 10 อสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของเมืองไทยภายใน 5 ปีข้างหน้า"

นายธนากร ทิ้งท้ายมุมมองอสังหาฯเมืองไทยในช่วงนี้ว่า แม้ว่ากระแสกำลังซื้อจะซบเซาไปบ้าง แต่เชื่อว่าเป็นแค่ปรับฐานระยะสั้น เพราะที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสี่ที่มีความจำเป็น ล่าสุดจะเห็นผู้ประกอบการหลายรายหันไปเจาะลูกค้ากลุ่มบนมากขึ้น ซึ่งบริษัทก็ก้าวขึ้นไปขยายกลุ่มดังกล่าวผ่านแบรนด์ Impression เอกมัย ที่ร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นอย่าง ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์ (Hoosiers Holdings) และ คิวชู เรล เวย์ คัมปะนี (Kyushu Railway Company) มูลค่าโครงการราว 4,800 ล้านบาท เตรียมเปิด Persale ปลายเดือน เม.ย.-ต้น พ.ค.นี้

ขณะที่ ALL ยังเชื่อว่าเป็นกลุ่มกำลังซื้อระดับมนุษย์เงินเดือนที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทยังเติบโตได้ดีเช่นกัน ตราบใดที่บริษัทยังพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ลูกค้าได้ ในที่สุดแล้วลูกค้าก็ต้องซื้อสินค้าบริษัทอย่างแน่นอน

https://youtu.be/NOmPfUrRcqk


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ