SGP จะใช้เงินไม่เกิน 3.36 พันลบ.เข้าลงทุนใน TPP ผู้ให้บริการท่าเทียบเรือ-คลังสินค้าเหลวในชลบุรี ,ส่วนหนึ่งซื้อจาก RPC

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 16, 2019 13:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2562 อนุมัติให้ซื้อเงินลงทุนในหุ้นของ บริษัท ไทยพับลิคพอร์ต จำกัด (TPP) คิดเป็น 100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 3,360 ล้านบาท เพื่อเป็นการลงทุนในโครงการคลังน้ำมันและท่าเรือ บริเวณเกาะสีชัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมี บริษัท สยาม แอลเอ็นจี จำกัด (SLNG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ของทุนจดทะเบียน เป็นผู้ลงทุน

โดย SLNG ได้เข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของ TPP จาก บริษัท ธานินทร์ โฮลดิ้ง จำกัด บริษัท อรรฐนี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท อัครพร็อพเบอร์ตี้ จำกัด และ บริษัท ศรีเสรีขนส่ง จำกัด คิดเป็น 40.51% ของทุนชำระแล้วของ TPP เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2562 และต่อมาในวันที่ 16 ตุลาคม 2562 คณะกรรมการบมจ.อาร์พีซีจี (RPC) ได้มีมติอนุมัติให้ RPC ขายเงินลงทุนในหุ้นของ TPP จำนวน 30% ของทุนชำระแล้วของ TPP ให้แก่ SLNG ซึ่งในส่วนนี้คิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการโอนหุ้นที่กระทรวงพาณิชย์ภายในวันที่ 18 ตุลาคม 2562

การเข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของ TPP ดังกล่าวทำให้ SLNG เข้าลงทุนในหุ้นของ TPP รวม 70.51% ของทุนชำระแล้วของ TPP อย่างไรก็ตาม SLNG จะเข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของ TPP จาก บริษัท พงศ์เอราวัณ จำกัด อีกคิดเป็น 28.49% ของทุนชำระแล้วของ TPP ภายในเดือนมกราคม 2563 และจะทำให้ SLNG ถือหุ้นใน TPP คิดเป็น 99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ TPP

สำหรับ TPP ประกอบธุรกิจให้บริการท่าเทียบเรือน้ำลึก และให้เช่าคลังสินค้าเหลว ตั้งอยู่ที่ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี มีเนื้อที่ทั้งหมด 240 ไร่ 1 งาน 53 ตารางวา และที่ดินสัมปทาน จำนวน 103 ไร่ 3 งาน 41 ตารางวา โดยที่ดินสัมปทานอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานจัดการที่ดินของรัฐที่พิจารณาออกสัมปทานบัตรที่ดิน โดยมีท่าเทียบเรือน้ำลึกมีทั้งหมด 4 ท่าเทียบเรือ และคลังสินค้าเหลว มีถังเก็บสินค้าเหลว ทั้งหมด 14 ถัง

สำหรับแหล่งเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัทและจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดยการลงทุนครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทสามารถขยายการประกอบธุรกิจด้านพลังงานอื่นเพิ่มเติม โดยเป็นธุรกิจทางด้านคลังน้ำมันและท่าเรือ ซึ่งธุรกิจคลังน้ำมันจะช่วยให้ บริษัทมีรายได้และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถใช้ท่าเรือของ TPP ในการรับสินค้าอื่นๆ ในอนาคต เช่น ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นต้น ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของบริษัทในปัจจุบัน

ด้าน RPC แจ้งเพิ่มเติมว่า การจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดใน TPP ทำให้เกิดกำไรสุทธิจากการขายเงินลงทุนในงบการเงินเฉพาะของบริษัทประมาณ 200.89 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ขาดทุนสะสม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 ตามงบการเงินเฉพาะลดลงจาก 713.33 ล้านบาท เหลือ 512.44 ล้านบาท และทำให้เกิดกำไรจากการขายเงินลงทุน ในงบการเงินรวม 357.66 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ขาดทุนสะสม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 ตามงบการเงินรวมลดลงจาก 546.81 ล้านบาทเหลือ 189.16 ล้านบาท

การจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวจะสามารถช่วยปรับปรุงผลประกอบการของบริษัทให้ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) ตามสัดส่วนเงินลงทุนของ TPP จากงบการเงินหลังปรับปรุง และลดความเสี่ยงในการตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าเงินลงทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ