(เพิ่มเติม) SIRI ออก perpetual bond ให้ Theatre Lane Limited พ่วงวอร์แรนต์ พร้อมเพิ่มทุนรองรับ ,กองทุนฮ่องกง สนใจเพิ่มทุน PP

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 18, 2020 11:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

(เพิ่มเติม) SIRI ออก perpetual bond ให้ Theatre Lane Limited พ่วงวอร์แรนต์ พร้อมเพิ่มทุนรองรับ ,กองทุนฮ่องกง สนใจเพิ่มทุน PP

บมจ.แสนสิริ (SIRI) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 15 พ.ค. อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อมีการเลิกบริษัท (perpetual bond) ในวงเงิน 2,500 ล้านบาท ให้แก่ Theatre Lane Limited และออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (วอร์แรนต์) จำนวนไม่เกิน 2,500 ล้านหน่วย ให้ฟรีแก่ผู้จองซื้อ perpetual bond ในอัตราส่วน 1 หน่วย ต่อการจองซื้อหุ้นกู้ 1 บาท โดยวอร์แรนต์มีอายุ 5 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วย ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 1.10 บาท/หุ้น

สำหรับ Theatre Lane Limited เป็นนิติบุคคลต่างประเทศที่ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายต่างประเทศ และจะถูกถือหุ้น 100% โดย partnership funds ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Discretionary Fund (กองทุนที่ผู้จัดการกองทุนมีอำนาจบริหารและตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนของกองทุน) ที่ถูกจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ซึ่งมีผู้จัดการกองทุน คือ Argyle Street Management Limited (ASM) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกง (Securities and Futures Commission of Hong Kong) และสหรัฐอเมริกา (U.S. Securities and Exchange Commission) ในการบริหารทรัพย์สินให้แก่กองทุนต่าง ๆ อันเป็นการเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (private placement)

พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 21,146.13 ล้านบาท จากเดิม 16,224.13 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ไม่เกิน 4,600 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1.07 บาท แบ่งจัดสรรไม่เกิน 2,500 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการแปลงสภาพวอร์แรนต์ที่ออกให้แก่ผู้จองซื้อ perpetual bond และจัดสรรจำนวนไม่เกิน 700 ล้านหุ้น รองรับการแปลงสภาพวอร์แรนต์ที่ออกให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัท ส่วนที่เหลืออีกไม่เกิน 1,400 ล้านหุ้น เป็นการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ที่จะจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP)

สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะใช้สำหรับการดำเนินงาน การขยายธุรกิจ และการเตรียมความพร้อมสำหรับโครงการใหม่ ๆ ในอนาคต ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเพื่อชำระคืนหนี้บางส่วนให้แก่สถาบันทางการเงิน

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติการเพิ่มวงเงินในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ โดยเพิ่มเติมวงเงินอีกจำนวน 10,000 ล้านบาท เมื่อรวมวงเงินสำหรับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้กับวงเงินการออกหุ้นกู้ที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งก่อน ๆ จะทำให้มีวงเงินสำหรับการออกหุ้นกู้รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 50,000 ล้านบาท

คณะกรรมการยังอนุมัติกำหนดระยะเวลาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนโดยการเสนอขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในระหว่างวันที่ 4 มิ.ย.63 -17 มิ.ย.63 หลังได้ซื้อหุ้นคืนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 720 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 4.84%

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ ของ SIRI กล่าวว่า ยอดขายล่าสุดของบริษัทอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท จากความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่งนำหน้าคู่แข่งในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี นอกจากนี้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ยังทำให้บริษัทต้องเร่งการขายโครงการที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ให้เร็วกว่าแผนเดิม เพื่อแข่งขันกับสภาพตลาด (Speed to Market) ส่งผลให้มียอดขายและยอดโอนที่ดี สวนกระแสตลาดหดตัว

รวมถึงบริษัทยังมีสภาพคล่องและ Cash flow หรือกระแสเงินสด อีกถึง 10,000 ล้านบาท ที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจและมีความแข็งแกร่งในทุกสภาวการณ์ ซึ่งความสำเร็จจากการออกหุ้นกู้ระยะยาวในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเล็งเห็นศักยภาพในการรักษาการเติบโตได้ จึงมีการพิจารณาแผนความแข็งแกร่งด้านการเงินระยะยาว โดยการเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต ด้วยการออก Perpetual Bond วงเงิน 2,500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทนับจากนี้ ในการเป็นองค์กรที่มีความแข็งแกร่งภายใต้ทุกสภาวการณ์ สามารถตอบรับกับภาวะเศรษฐกิจทั้งในสถานการณ์ปัจจุบัน หรือขยายฐานการลงทุนในธุรกิจที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ รองรับทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมในอนาคต

สำหรับหุ้นเพิ่มทุนที่จะออกเพิ่มให้กับ PP นั้น มีกลุ่มทุนที่ให้ความสนใจ ได้แก่ กองทุนที่ฮ่องกง ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 6,623 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น รายได้จากการขาย 5,393 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% จากงวดปีก่อน มาจากการโอนโครงการแนวราบและแนวสูงในสัดส่วนใกล้เคียงกัน คือ 59% และ 41% ตามลำดับ อาทิ โครงการบุราสิริ พัฒนาการ ที่มียอดโอนสูง จากการเป็น "บ้าน บรรยากาศรีสอร์ท" หรือ "บ้าน เพื่อการพักผ่อนที่แท้จริง" ส่งผลให้ลูกค้าชื่นชอบและตัดสินใจซื้อและโอนโครงการอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ โครงการบ้านแสนสิริ พัฒนาการที่ใกล้ปิดการขาย รวมถึงไทเกอร์ เลน ลักซ์ชัวรีโฮมออฟฟิศ บนที่สุดของทำเลทอง ไพร์มโลเคชันตำแหน่งฮวงจุ้ยท้องมังกร ที่หายากใจกลางย่านเสือป่า ที่เพิ่งปิดการขายในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับโอนที่ดีจากลูกค้าเช่นเดียวกัน ยังรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียม ที่ได้รับการตอบรับโอนที่ดีจากลูกค้า อาทิ โครงการ เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ ที่จ่อคิวปิดการขาย โครงการดีคอนโด ริน เชียงใหม่ และ ลา กาซิตา หัวหิน เป็นต้น ตอกย้ำความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงได้เป็นอย่างดี ทั้ง ยังส่งให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดี

บริษัทยังมีกำไรจากการลงทุนจากการเพิ่มมูลค่าของ JustCo ที่แสนสิริเข้าไปลงทุนถือหุ้น โดย Daito Trust บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจของ Justco และได้เข้าซื้อส่วนลงทุนของ Justco มูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน ม.ค.63 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ Valuation ของ Justco เพิ่มมูลค่าอย่างมาก โดยบริษัทในฐานะผู้ถือหุ้นสามารถรับรู้กำไรจากการเพิ่มมูลค่าของเงินลงทุนนี้ได้กว่า 703 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ตามมาตรฐานการบัญชีนั้น กำไรจากการเพิ่มมูลค่าของเงินลงทุนนี้จะไม่ปรากฏอยู่ในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ แต่จะถูกบันทึกเป็นกำไรสะสมในงบดุลโดยตรง สำหรับ JustCo นับเป็น Coworking space & Serviced Office รูปแบบใหม่ที่กำลังครองใจคนทำงานทั่วอาเซียนมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึง 150% ในแต่ละปี ปัจจุบันประกอบด้วย 42 จัสท์โค เซ็นเทอร์ ใน 8 เมืองใหญ่ต่างประเทศ โดยในประเทศไทยจัสท์โคเปิดตัว 4 แห่ง นับเป็นหนึ่งในธุรกิจที่บริษัทเล็งเห็นศักยภาพและมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในปัจจุบัน

"สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของแสนสิริเพื่อรองรับความแข็งแกร่งควบคุ่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงิน คือ การสานต่อการสร้างแบรนด์แสนสิริให้แข็งแกร่งมากขึ้น จากการเป็นแบรนด์อันหนึ่งของคนอยากมีบ้าน การที่แสนสิริมียอดขายล่วงหน้า (Pre-Sale Backlog) โครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ เป็นมูลค่ารวมเกือบ 46,900 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องใน 1-3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้แสนสิริยังมีแผนขยายการพัฒนาธุรกิจที่อยู่อาศัยใหม่ๆ เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้า สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีผลกระทบต่อแผนการลงทุนระยะยาว อันจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนและสถาบันการเงินได้เป็นอย่างดี"นายอภิชาติ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ