EASON ใช้เงิน 13.5 ลบ. ลงทุน 30% ในบ.จัดหาเชื้อเพลิงชีวมวล พร้อมหยุดธุรกิจ-เลิกกิจการในตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 17, 2020 09:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.อีซึ่น แอนด์ โค (EASON) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 14 ส.ค. อนุมัติการเข้าลงทุน 30% ในบริษัท กรีน ฟูเอล เมเนจเมนท์ จำกัด (GFM) ซึ่งเป็นผู้จัดหาและจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลให้แก่โรงไฟฟ้าที่มีความต้องการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล มูลค่าลงทุนรวม 13.5 ล้านบาท แบ่งเป็น การเข้าลงทุน 15% ภายในเดือนส.ค. และอีก 15% ในเดือนต.ค.63 การลงทุนดังกล่าวทำให้ได้ธุรกิจที่คาดว่ามีศักยภาพเข้ามา ซึ่งเป็นการเพิ่มขอบเขตการดำเนินธุรกิจของบริษัทในธุรกิจอื่นและจะเป็นการขยายตัวของรายได้ในอนาคต โดยแหล่งเงินลงทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัท ยังอนุมัติการหยุดดำเนินธุรกิจของบริษัท อีซึ่น อินโดนีเซีย จำกัด (EI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ตั้งขึ้นในอินโดนีเซีย เพื่อเป็นฐานการผลิตสียานยนต์ในประเทศอินโดนีเซียและดำเนินงานผลิตภายใต้สัญญาความร่วมมือตามคำสั่งซื้อของบริษัท บีเอเอสเอฟ (อินโดนีเซีย) จำกัด (BASF) เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่เกิดขึ้นทั่วโลกและการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบให้ผลการดำเนินงานของ EI ไม่เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดและทำให้ EI ประสบภาวะการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การหยุดดำเนินธุรกิจเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ขณะเดียวกันบริษัทได้บอกเลิกสัญญาความร่วมมือกับ BASF เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 โดยปัจจุบัน EI คงอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สามารถดำเนินงานได้ต่อไป

ขณะที่การหยุดดำเนินธุรกิจของ EI จะไม่ส่งผลกระทบอันเป็นสาระสำคัญต่อการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทแต่ประการใด เนื่องจากในระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทได้รับรู้และบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุนในงบการเงินของบริษัทไว้แล้ว ทั้งนี้ บริษัทจะบริหารงานตามนโยบายของคณะกรรมการบริษัทด้วยความรอบคอบและระมัดระวังเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทและผู้ถือหุ้น

นอกจากนี้คณะกรรมการอนุมัติให้เลิกกิจการบริษัท อีซึ่น ฟาร์อีส จำกัด (EFE) ที่จัดตั้งขึ้นในประเทศมาเลเซีย และถือหุ้นอยู่ 60% เพื่อทำหน้าที่ตัวแทนจำหน่ายหมึกพิมพ์โลหะและสีเคลือบบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากธุรกิจหมึกพิมพ์โลหะและสีเคลือบบรรจุภัณฑ์เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคาซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณการจำหน่ายสินค้าของ EFE อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และผลการดำเนินงานของ EFE ยังคงไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้น ผู้ถือหุ้นจึงเห็นควรให้ EFE เลิกกิจการและขอให้บริษัทเป็นผู้จำหน่ายสินค้าตรงไปยังลูกค้าในต่างประเทศ โดยการเลิกกิจการ EFE ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทแต่ประการใด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ