3 ตัวแทนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ETG-UEC-UMS ร่วมให้ข้อมูลผู้จัดการ กองทุนทั้งไทยและต่างชาติในงานไทยแลนด์ โฟกัส ปี 2550 พร้อมกันนั้น mai ได้เตรียมหนังสือ mai Stock Focus สรุปไฮไลท์ 44 บจ. ฉบับภาษาอังกฤษ แจกผู้จัดการกองทุนนักวิเคราะห์ และนักลงทุนชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ mai เปิดเผยว่า การจัดงานไทยแลนด์โฟกัส ระหว่างวันที่ 12-14 กันยายน 2550 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai 3 แห่ง ได้รับเชิญเข้าให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ บริษัท อีเทอร์นิตี้ แกรนด์ โลจิสติคส์ จำกัด (มหาชน) (ETG) บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน) (UEC) และ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) (UMS)
"สำหรับงาน Thailand Focus ปีนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่นักลงทุนสถาบันทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยได้เชิญให้ผู้บริหารของ ETG, UEC และ UMS ร่วมนำเสนอข้อมูลบริษัท ทั้งด้านผลประกอบการ นโยบายและแผนธุรกิจในรูปแบบรายต่อราย หรือ one-on-one meeting พร้อมกันนี้ mai ได้จัดทำหนังสือแนะนำบริษัทจดทะเบียนใน mai ทั้ง 44 บริษัท เป็นภาษาอังกฤษ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ ในการเข้าถึงข้อมูลบริษัทจดทะเบียนใน mai ได้ง่ายยิ่งขึ้น" นายชนิตร กล่าว
สำหรับ ETG เป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ตั้งแต่พิธีการศุลกากร สำหรับการนำเข้าและส่งออก การจัดส่งสินค้าและกระจายสินค้า โดยถือเป็นบริษัทโลจิสติกส์ครบวงจรรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ธุรกิจโลจิสติกส์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ที่ภาครัฐให้การส่งเสริมในปัจจุบัน บริษัทมีกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 566 ล้านบาท
ส่วน UEC ประกอบธุรกิจออกแบบและผลิตภาชนะความดันที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมพลังงาน สำหรับครึ่งปีแรก 2550 UEC เป็นบริษัทที่ทำกำไรสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยมีกำไร 154 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19 ของกำไร บจ. mai ทั้งหมด ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 4,540 ล้านบาท สูงเป็นอันดับแรกของ mai
ด้าน UMS ทำธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายถ่านหินสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม บริษัทได้รับ SET AWARDS รางวัล "mai Newly Listed STAR" ปี 2548 และ รางวัล "mai Bestreturn STAR" 2 ปีซ้อน คือในปี 2548 และ 2549 มีกำไรสุทธิครึ่งปีแรก119 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15 ของกำไร บจ. mai ทั้งหมด ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 3,248 ล้านบาท
กำไรงวดครึ่งปีแรก ปี 2550ของ ETG-UEC-UMS รวมทั้งสิ้น 292 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 36 ของกำไรรวมทั้งหมดของ บจ. ใน mai ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของทั้ง 3 บริษัทรวม 8,426 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 28 ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 30,942 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--