STEC ยกเลิกซื้อกิจการบ.ย่อยจาก STPI หลังประเมินผลตอบแทนไม่คุ้มค่าลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 10, 2021 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2564 มีมติอนุมัติไม่เข้าทำรายการซื้อกิจการ บจก.เอส ที ไอ ที จากบมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI)

เนื่องด้วยสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่เกิดการระบาดอย่างรุนแรงระลอกใหม่ตั้งแต่เดือนม.ค.2564 และยังรุนแรงมากยิ่งขึ้นหลังเดือนเม.ย.2564 จนถึงปัจจุบันยังคงระบาดอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อประเทศโดยรวมทั้งในด้านเศรษฐกิจ และสังคม การเปิดประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐล่าข้าออกไป รวมทั้งงานก่อสร้างของภาคเอกชนก็ชะลอออกไปเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่ายังไม่ฟื้นตัวในระยะเวลาอันใกล้ อันจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการลงทุนในกิจการของ บจก. เอส ที ไอ ที

ดังนั้น เพื่อความมั่นใจ บริษัทฯ จึงได้ว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ชี.เจ. มอร์แกน จำกัด (ที่ปรึกษาทางการเงิน) ในการร่วมกันจัดทำประมาณทางการเงินใหม่ ภายใต้สมมติฐานที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญจากผลกระทบของโรคระบาดูโควิด-19 ผลปรากฏว่า เมื่อพิจารณาจากเงินลงทุน การเข้าทำรายการจะทำให้ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (Equity IRR) ลดลงเหลือ 0.16% จากเดิมที่ประเมินไว้ 16.53% ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่ต่อการลงทุนในห้วงเวลานี้ รวมถึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญจากที่ได้เสนอไว้ต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2563

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เจรจาสอบถามราคาซื้อขายกิจการ บจก. เอส ที ไอ ที กับ บมจ. เอสทีพี แอนด์ ไอ แล้ว และได้รับคำตอบยืนยันราคาเดิม ทั้งสองฝ่ายจึงไม่บรรลุข้อตกลงร่วมกัน ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ซึ่งพิจารณาด้วยหลักความระมัดระวัง รวมถึงเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น เห็นว่าการลงทุนซื้อกิจการของ บจก. เอส ที ไอ ที ในราคาและเงื่อนไขการชำระเงินเดิมไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่เข้าทำรายการซื้อกิจการ บจก. เอส ที ไอ ที่ จาก บมจ. เอสทีพี แอนด์ ไอ พร้อมกันนี้การยกเลิกการลงทุนดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทฯ ก็ได้ประเมินผลกระทบในหลายด้าน ประกอบด้วย ผลกระทบทางด้านกฎหมาย (Legal Risk) เนื่องจากบริษัทฯ ยังไม่ได้เข้าทำนิติสัมพันธ์ ธุรกรรมการซื้อขายแต่อย่างใด ความเสียหายต่อบริษัทฯ หรือต่อผู้ถือหุ้นจึงยังไม่เกิดขึ้นจริง, ผลกระทบทางด้านการเงิน (Financial Risk) เนื่องจากเป็นการยกเลิกการลงทุนในบริษัทอื่น จึงทำให้บริษัทฯ กลับมามีกระแสเงินสดและสภาพคล่องสำหรับการดำเนินธุรกิจหลักที่ดียิ่งขึ้น และบริษัทฯ ยังไม่ได้มีการทำสัญญาซื้อขายหุ้น ดังนั้น จึงไม่มีประเด็นในเรื่องค่าปรับ รวมถึงค่าเสียโอกาส และค่าเสียหายต่างๆ, ผลกระทบการดำเนินงาน (Qperational Risk) บริษัทฯ ได้สั่งการให้หน่วยงานศูนย์เครื่องจักรกล (Construction Equipment Center) ศูนย์บริหารพัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้าง (Construction Asset and Inventory Center) ที่มีอยู่เดิมให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องมืออุปกรณ์ การซ่อมบำรุง ตลอดจนบุคลากรให้สามารถรองรับการดำเนินงานในปัจจุบันได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง รวมถึงมอบหมายให้กรรมการผู้จัดการ มีหนังสือแจ้งการไม่สามารถเข้าทำรายการซื้อกิจการ บจก. เอส ที ไอ ที กับบมจ. เอสทีพี แอนด์ ไอ ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ บมจ. เอสทีพี แอนด์ ไอ และผู้ประสงค์จะขายต่อไป ให้รับทราบต่อไป อีกทั้งบริษัทฯ จะนำเสนอรายงานฯ ให้ผู้ถือหุ้นในรอบการประชุมผู้ถือหุ้นทราบในการประชุมคราวถัดไป

ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2563 เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2563 มีมติเข้าซื้อกิจการ บจก.เอส ที ไอ ที เนื่องด้วยเล็งเห็นว่ากิจการ บจก. เอส ที ไอ ที จะช่วยสานประโยชน์และส่งเสริมการทำธุรกิจของบริษัทฯ โดยจะช่วยสร้างความมั่นคงในการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อรองรับการดำเนินงาน และการบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงกิจการดังกล่าวให้ผลตอบแทนการลงทุน (Equity IRR) ที่16.53% ซึ่งเป็นผลตอบแทนการลงทุนที่อยู่ในระดับที่ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ