ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา (10 ก.พ.) ราคาข้าวสาลีและถั่วเหลืองร่วงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง หลังจากที่การส่งออกลดลงและการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์ทำให้เกิดแรงเทขายทำกำไร
สัญญาข้าวโพดส่งมอบในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 0.5 เซนต์ แตะที่ 6.9850 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ส่วนสัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมีนาคมร่วง 23.25 เซนต์ แตะ 8.6275 ดอลลาร์ต่อบุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบในเดือนมีนาคมลดลง 18 เซนต์ แตะ 14.33 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
ราคาสัญญาข้าวโพดยังคงแข็งแกร่งหลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 31 เดือนหลังยอดการส่งออกประจำสัปดาห์ทะลุ 1 ล้านตันเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ส่วนสัญญาข้าวสาลีร่วงลงคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงที่สุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากการเทขายของกองทุน
ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ซึ่งทำให้นักลงทุนให้ความสนใจน้อยลงต่อสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ได้กดราคาซื้อขายลงตลอดทั้งวัน
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดยังขาดปัจจัยหนุนจากภายนอก ทำให้ภาวะการซื้อขายไม่คึกคักเหมือนเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ ราคาข้าวสาลีปรับตัวลดลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 3 วันติดต่อกันในก่อนหน้านี้ โดยการพยากรณ์อากาศที่คาดว่าจะมีหิมะตกในพื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีที่แห้งแล้งของจีนและอากาศที่อบอุ่นขึ้นในพื้นที่เพาะปลูกทางภาคใต้ของสหรัฐได้ถ่วงราคาข้าวสาลี ส่วนการคาดการณ์ว่าสภาพอากาศที่ดีขึ้นต่อการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกที่สำคัญของอเมริกาใต้ได้กดราคาถั่วเหลืองลง
ส่วนราคาข้าวโพดปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% ในปีนี้ และเป็นการปรับขึ้นในหลายระลอกหลังกระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) ปรับลดคาดการณ์ยอดสต๊อกลง 9% โดยเทรดเดอร์ได้จับตามองรายงานตลาดส่งออกข้าวโพดเป็นพิเศษ ซึ่งราคาที่เพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ยังไม่มีผลกระทบต่ออุปสงค์สำหรับข้าวโพดของสหรัฐ
ทั้งนี้ USDA เปิดเผยว่ายอดการส่งออกข้าวโพดเก่าและใหม่ประจำสัปดาห์อยู่ที่ 1.2 ล้านตัน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดารณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 750,000-950,000 ตัน