ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา (26 เม.ย.) ราคาสัญญาข้าวโพดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะได้แรงหนุนจากอุปทานข้าวโพดล็อตเก่าที่ตึงตัวและแรงซื้อจากกองทุน ขณะที่ข้าวสาลีและถั่วเหลืองปรับฐานจากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกระแสข่าวการใช้มาตรการคุมเข้มอย่างต่อเนื่องของจีน
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 4.25 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 7.7275 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค.ร่วง 14.25 เซนต์ หรือ 1.7% ที่ 8.47 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 7.25 เซนต์ หรือ 0.5% ที่ 13.8925 ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า ถึงแม้ว่าตลาดข้าวโพดจะได้รับแรงกดดันจากกระแสข่าวเกี่ยวกับโอกาสที่จะมีข้าวโพดที่เพาะปลูกในภาคตะวันตกในสัปดาห์หน้า แต่ตลาดยังคงวิตกกังวลว่าการปลูกข้าวโพดอาจไม่ได้ปริมาณตามที่คาดหวังในปีนี้ ได้ผลักดันให้ราคาปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ การพยากรณ์อากาศที่คาดว่าอาจวัดปริมาณน้ำฝนได้สูงถึง 1.5 นิ้ว ในพื้นที่เพาะปลูกภาคใต้ในอีกสองวันข้างหน้า อาจทำให้เกิดน้ำท่วมและอาจจะส่งผลให้เกษตรกรจำนวนมากต้องปลูกข้าวโพดใหม่แทนพืชที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม นื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
รายงานการเพาะปลูกประจำสัปดาห์บ่งชี้ว่า มีการเพาะปลูกข้าวโพดเพียง 9% เท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับ 46% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเฉลี่ยที่ 23% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ตลาดข้าวสาลีได้รับแรงกดดันให้ปรับตัวลดลงจากกระแสข่าวลือเกี่ยวกับสภาพอากาศที่ดีขึ้นสำหรับข้าวสาลีที่เพาะปลูกในช่วงฤดูหนาว รวมทั้งแรงกดดันจากการเทขายทำกำไร
นอกจากนี้ ตลาดยังคาดการณ์ถึงผลผลิตที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากกระแสข่าวความเป็นไปได้ที่จีนจะใช้มาตรการคุมเข้มอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดคาดว่าจีนอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกรอบในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้อุปสงค์การนำเข้าจากจีนลดลง
ส่วนตลาดถั่วเหลืองได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการคุมเข้มของจีนเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ กระแสข่าวลือเกี่ยวกับอุปทานจากอเมริกาใต้ที่เพิ่มขึ้นและการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐจะเพาะปลูกถั่วเหลืองมากขึ้น อันเนื่องมาจากการเพาะปลูกข้าวโพดที่ชะลอลง ก็ยิ่งเพิ่มปัจจัยลบต่อตลาดอีกด้วย