ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 พ.ค.) ราคาสัญญาถั่วเหลืองและข้าวสาลีสามารถดีดตัวกลับมาเพิ่มขึ้น ขณะที่การเทขายทั่วตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ส่งสัญญาณถึงการอ่อนแรงลงในช่วงการซื้อขายระหว่างวัน ขณะที่คำสั่งขายทำกำไรต่อเนื่องในตลาดข้าวโพดได้ฉุดราคาข้าวโพดลงอย่างมาก
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ค.ดิ่ง 22.5 เซนต์ หรือ 3.2% ปิดที่ 6.8625 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค.ดีดตัว 5.5 เซนต์ หรือ 0.7% ที่ 7.595 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 4.25 เซนต์ หรือ 0.3% ที่ 13.26 ดอลลาร์/บุชเชล
นายแดน สมิธ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารความเสี่ยงอาวุโสจาก ท็อป เธิร์ด เอจี มาร์เก็ตติ้ง กล่าวว่า ประเด็นสำคัญของการซื้อขายธัญพืชในสัปดาห์นี้ต้องเผชิญกับปัจจัยนอกตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ แรงเทขายจำนวนมากในตลาดโลหะเงิน, ราคาทองแดงและทองคำที่ผลักดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง และราคาธัญพืชได้ปรับตัวลงตามด้วย
ราคาข้าวโพดยังร่วงลงสู่แดนลบ ในขณะที่ทองคำ พลังงาน และ ตลาดหุ้น ฟื้นตัวในระดับหนึ่งและแรงเทขายจากกองทุนลดลง โดยถั่วเหลืองและข้าวสาลีได้ฟื้นตัวตามตลาดอื่นๆ
นายสมิธกล่าวว่า สาเหตุที่มีแรงเทขายอย่างต่อเนื่องในตลาดข้าวโพดเนื่องจากข่าวที่ว่าเกษตรกรประกาศพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นอาจไม่เป็นเรื่องจริง
เทรดเดอร์บางรายชี้ว่า ราคาข้าวโพดอาจปรับตัวลดลงต่อไปอีก เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าอุปสงค์อาจขยายตัวไม่ทันราคาที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์
นายสมิธระบุว่า เทรดเดอร์จะติดตามการรายงานพื้นที่เพาะปลูกและรายงานอุปสงค์และอุปทานของกระทรวงเกษตรสหรัฐที่กำหนดจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด
"เทรดเดอร์คาดว่า ปริมาณการใช้เอทธานอลจะลดลง รวมทั้งตัวเลขส่งออกของสหรัฐจะลดลง ทำให้มียอดสต็อกเพิ่มขึ้นจากปีการเพาะปลูก 2553" นายสมิธกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน