ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) สัญญาข้าวโพดดีดกลับมาปิดบวกหลังมีรายงานว่าภาวะการเติบโตของผลผลิตข้าวโพดมีอัตราลดลง รวมทั้งตลาดอื่นๆ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีสัญญาณว่าคลื่นความร้อนอาจแผ่ปกคลุมเขตมิดเวสต์ของสหรัฐ ส่วนข้าวสาลีปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับปานกลางเนื่องจากเงินสกุลดอลลาร์อ่อนค่าลง ในขณะที่ถั่วเหลืองยังอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่ง 10.25 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 6.8725 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 6.935 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 4.25 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 13.82 ดอลลาร์/บุชเชล
สัญญาข้าวโพดพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์หลังกระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) รายงานว่าภาวะการเติบโตของผลผลิตข้าวโพดมีอัตราลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่คลื่นความร้อนมีแนวโน้มจะทำให้ผลผลิตลดลง
รายงานภาวะธัญพืชประจำสัปดาห์ของ USDA บ่งชี้ว่ามีข้าวโพดที่อยู่ในภาวะการเติบโตที่ดีเพียง 66% เมื่อเทียบกับ 69% ในสัปดาห์ก่อน
เทรดเดอร์รายหนึ่งกล่าวว่า การพยากรณ์ที่ระบุว่าจะมีอุณหภูมิที่สูงจัดไปอีกหลายวันในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐทำให้เทรดเดอร์เกิดความวิตกกังวลว่า มีความเป็นไปได้ที่ผลผลิตพืชในท้องถิ่นอาจลดลง เนื่องจากข้าวโพดราว 35% กำลังเข้าสู่ช่วงของการออกฝัก
ทิม แฮนนาแกน นักวิเคราะห์ธัญพืชอาวุโสจาก PFGbest ในชิคาโก กล่าวว่า "คลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมเขตมิดเวสต์เป็นปัจจัยหนุนให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะทำให้ภาวะการเติบโตของพืชมีอัตราลดลง ในการเปิดเผยข้อมูลในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่รายงานในปัจจุบันบ่งชี้ว่า สภาพอากาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ทำให้เกิดความตึงเครียดได้ในระดับเดียวกัน"
ในขณะเดียวกัน การปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดอื่นๆ ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่เป็นบวกต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ด้วย เนื่องจากเงินสกุลดอลลาร์ได้อ่อนค่าลงและราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน