ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบพุ่ง $3.32 จากข่าวพายุ"ลี"กระทบการผลิต

ข่าวต่างประเทศ Thursday September 8, 2011 06:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันที่โรงกลั่นในอ่าวเม็กซิโกถูกระงับลงประมาณ 60% เพราะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ "ลี" นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวลดลง ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องกาพลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 3.32 ดอลลาร์ หรือ 3.86% ปิดที่ 89.34 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 2.91 ดอลลาร์ หรือ 2.58% ปิดที่ 115.80 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกต้องถูกระงับลงประมาณ 60% เนื่องจากพายุลีได้ส่งผลกระทบต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลประมาณการว่าภัยพิบัติในครั้งนี้ทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดสูญเสียไปกว่า 4 ล้านบาร์เรลนับตั้งกลุ่มบริษัทพลังงานในอ่าวเม็กซิโกเริ่มปิดสายการผลิตในวันที่ 1 ก.ย.

ตลาดได้แรงหนุนเพิ่มขึ้นเมื่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นคาดว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐจะประกาศมาตรการสร้างงานมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในระหว่างการแถลงนโยบายต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ซึ่งคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการลดหย่อนภาษีเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับภาคธุรกิจ การลงทุนด้านสาธารณูปโภค และการให้ความช่วยเหลือพิเศษแก่พนักงานที่ถูกยกเลิกสัญญาจ้างงาน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีมีคำสั่งยกฟ้องรัฐบาลเยอรมนีในข้อหาจ่ายเงินสมทบมาตรการช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศต่างๆในยูโรโซน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยเปิดทางให้เยอรมนีมีส่วนในการช่วยกู้วิกฤหนี้ยุโรปได้มากขึ้น

ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลง 0.6% ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นด้วย

นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 2 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ