ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 ก.ย.) สัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองฟื้นตัวขึ้นหลังจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) รายงานว่า อุปสงค์ข้าวโพดสำหรับส่งออกสูงกว่าการคาดการณ์ของสหรัฐ ในขณะที่ข้าวสาลีพุ่งขึ้น 2.4% เนื่องจากการคาดการณ์เกี่ยวกับพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตเฉลี่ยที่ลดลงของข้าวสาลีที่เพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิ ได้กระตุ้นให้เกิดแรงซื้อจำนวนมาก
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.75 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 6.325 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่ สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่ง 15.5 เซนต์ หรือ 2.4% ปิดที่ 6.5425 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 6.5 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 12.3 ดอลลาร์/บุชเชล
ถึงแม้ว่านักลงทุนจะยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยของเศรษกิจโลก แต่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดหุ้นต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ ในขณะที่ปัญหาหนี้สินในยุโรปก็คลี่คลายลงในระดับหนึ่งเช่นเดียวกัน โดยกองทุนเพื่อการลงทุนตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มผู้ซื้อได้กลับเข้ามาซื้อในตลาดธัญพืชและตลาดเมล็ดพันธุ์พืช เมื่อวานนี้
รายงานของ USDA ระบุว่า ยอดส่งออกข้าวโพดในสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ 812,900 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ ส่วนยอดส่งออกถั่วเหลืองประจำสัปดาห์อยู่ที่ 1.03 ล้านตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์เช่นเดียวกัน
เทรดเดอร์รายหนึ่งกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของยอดส่งออก, การปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกรอบของราคาน้ำมัน และยอดซื้อขายที่สูงขึ้นในตลาดข้าวสาลี ต่างก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่เป็นบวกในตลาดธัญพืช
ผู้สังเกตุการณ์ในตลาด CBOT กล่าวว่า ข้าวสาลีได้รับแรงหนุนอย่างแข็งแกร่งจากการคาดการณ์ของที่ว่า USDA จะปรับลดการประมาณการยอดผลผลิตข้าวสาลีที่เพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากผลกระทบจากคลื่นความร้อนในฤดูร้อนและฝนที่ตกหนักในฤดูใบไม้ผลิที่ทำให้การเพาะปลูกล่าช้าออกไป สำนักข่าวซินหัวรายงาน