ภาวะตลาดน้ำมันวิตกเจรจาหนี้กรีซชะงัก ฉุดน้ำมันดิบปิดลบ 78 เซนต์

ข่าวต่างประเทศ Tuesday January 31, 2012 07:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรปอาจฉุดรั้งเศรษฐกิจในภูมิภาคดังกล่าวให้ชะลอตัว และจะส่งผลให้ความต้องการพลังงานหดตัวลงด้วย

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 78 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 98.78 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 100.05 - 98.43 ดอลลาร์

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 71 เซนต์ หรือ 0.64% ปิดที่ 110.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 110.25 - 111.78 ดอลลาร์

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI อ่อนตัวลงหลังจากรัฐบาลกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้เอกชนไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซมูลค่า 2 แสนล้านยูโรได้ก่อนที่การประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) จะเริ่มขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้กรีซเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากกรีซใกล้จะถึงเวลาไถ่ถอนพันธบัตรจำนวนมหาศาลในวันที่ 20 มี.ค.นี้

การเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ยังคงยืดเยื้อ เนื่องจากกลุ่มเจ้าหนี้เอกชนและรัฐบาลกรีซยังไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องอัตราผลตอบแทน นอกจากนี้ กรีซยังได้ปฏิเสธข้อเสนอการปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามาก้าวก่ายในเรื่องการใช้มาตรการรัดเข็มขัด

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคทรงตัวในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคสหรัฐพยายามลดการใช้จ่ายและเพิ่มการออมเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคได้รับการจับตาจากตลาดอย่างใกล้ชิด เพราะคิดเป็นสัดส่วน 70% ของกิจกรรมโดยรวมทางเศรษฐกิจ

ตลาดจับตาดูความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการผละงานประท้วงของโรงกลั่นในสหรัฐ หลังจากผู้นำสหภาพแรงงานแจ้งโน้มน้าวให้คนงานเตรียมพร้อมสำหรับการผละงานประท้วงภายในเวลา 48 ชั่วโมง ซึ่งอาจส่งผลให้มีการปิดกำลังการกลั่นน้ำมันในสหรัฐราว 6%

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูการรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 ม.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.4%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ