สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก ปรับตัวขึ้น 13 เซนต์ แตะที่ 106.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 11.38 น.ตามเวลาลอนดอน ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.28 ดอลลาร์ ที่ 124.19 ดอลลาร์ โดยได้แตะระดับสูงสุดระหว่างวันที่ 124.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งสูงสุดนับแต่เดือนพ.ค.2554
สัญญาน้ำมันดิบต่างก็ปรับตัวขึ้น โดยสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 เดือน โดยมีแรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีที่สูงเกินคาด ซึ่งส่งสัญญาณถึงบรรยากาศเชิงบวกเกี่ยวกับการคลี่คลายวิกฤตหนี้ยุโรป ส่วนประเด็นอิหร่านที่ยังคงมีความตึงเครียดกับชาติตะวันตกก็ช่วยหนุนราคาน้ำมัน
สถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความชื่อมั่นธุรกิจ ซึ่งทำการสำรวจผู้บริหารจากบริษัท 7,000 แห่งนั้น ดีดขึ้นสู่ระดับ 109.6 จุด จากระดับ 108.3 จุดในเดือนม.ค. ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2554 เนื่องจากความคืบหน้าของวิกฤติหนี้ยูโรโซนที่ช่วยบรรเทาความเสี่ยงเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย
การที่นายยูกิยะ อะมาโน ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) ออกมาเปิดเผยวานนี้ IAEA ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ กับอิหร่านในประเด็นโครงการนิวเคลียร์ ในระหว่างการเดินทางไปยังกรุงเตหะรานรอบที่ 2 ของคณะเจ้าหน้าที่ IAEA ได้ส่อเค้าถึงบรรยากาศที่ยังตึงเครียดประเด็นอิหร่าน ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์แกรงว่าอาจนำไปสู่การเผชิญที่รุนแรง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในที่สุด
ทางด้านสำนักข่าว IRNA ของทางการอิหร่านรายงานก็รายงานวานนี้ว่า อยาตอลลาห์ เซย์เยด อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ยืนยันว่า อิหร่านไม่ได้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โดยระบุว่า การลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์และการกดดันด้วยวิธีการต่างๆนานา แสดงให้เห็นว่า "ศัตรู" ของอิหร่าน "อ่อนแอ"