สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) ขานรับข่าวที่ว่าจำนวนเจ้าหนี้เอกชนที่ตกลงเข้าร่วมโครงการสว็อปพันธบัตรเพื่อช่วยลดภาระหนี้สินของกรีซนั้น เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่ากรีซจะรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ขยับขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.40% ปิดที่ 106.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือ 1.06% ปิดที่ 125.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ของกรีซอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนการปรับโครงสร้างหนี้ระหว่างรัฐบาลกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้เอกชน และเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลกรีซเปิดเผยว่า เกือบ 95% ของผู้ถือพันธบัตรของกรีซ ได้ตกลงที่จะมีส่วนในโครงการสว็อปพันธบัตร ด้วยการยอมรับการขาดทุนตามเงื่อนไขการปรับลดมูลค่าหน้าตั๋วพันธบัตรของรัฐบาลกรีซลง 53.5% โดยสัดส่วน 95% ของกลุ่มผู้ถือพันธบัตรนั้น อยู่ในระดับสูงกว่าที่รัฐบาลกรีซตั้งเป้าเอาไว้ที่ 90%
แผนการสว็อหนี้มีเป้าหมายที่จะช่วยบรรเทาภาระหนี้สินสาธารณะของกรีซ และถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้กรีซมีคุณสมบัติเพียงพอต่อการรับเงินช่วยเหลือรอบที่ 2 จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และองค์กรอื่นๆ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 มี.ค. เพิ่มขึ้น 8,000 ราย มาอยู่ที่ 362,000 ราย ซึ่งถึงแม้ว่าจะเพิ่มขึ้น แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี และสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.พ. ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานเดือนก.พ.จะเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 8.3%