สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนพ.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก ร่วงลง 1.60 ดอลลาร์ แตะที่ 105.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 12.37 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้ หลังจากฝรั่งเศสเปิดเผยว่ากลุ่มประเทศอุตสาหกรรมกำลังพิจารณาเรื่องการปล่อยน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉิน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่าภาคการผลิตของจีนหดตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากนายเอริค เบส์ซง รมว.อุตสาหกรรมของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ฝรั่งเศสและกลุ่มประเทศคู่ค้ากำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉิน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ ได้หารือกันเกี่ยวกับเรื่องการระบายน้ำมันออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรอง (Strategic Petroleum Reserve - SPR) โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน เพราะเกรงว่าราคาที่ปรับตัวสูงจนเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ผู้นำอังกฤษและสหรัฐยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงในเรื่องดังกล่าวจนถึงขณะนี้
ปัจจุบันสหรัฐมีน้ำมันในคลัง SPR อยู่ปริมาณ 697 ล้านบาร์เรล ซึ่งรัฐบาลจะระบายน้ำมันออกจากคลังดังกล่าวก็ต่อเมื่อเกิดภาวะอุปทานตึงตัวที่เป็นผลมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ การโจมตีของผู้ก่อการร้าย และสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังร่วงลงหลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนร่วงลงสู่ระดับ 48.1 ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับระดับ 49.6 ของเดือนก.พ. ซึ่งป็นการหดตัวลงติดต่อกัน 5 เดือน นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมี.ค.ยังเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนด้วย
ทั้งนี้ ดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุด บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตหดตัวลง และดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตมีการขยายตัว