สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันในวันศุกร์ (17 ส.ค.) ภายหลังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงเกินคาด ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่อสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ของโลก ขณะน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง จากข่าวที่ว่าสหรัฐเตรียมที่จะระบายน้ำมันจากคลังน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อควบคุมราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 96.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการปิดเหนือระดับ 96 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ราคาพุ่งขึ้น 3.14 ดอลลาร์ หรือ 3.38%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.56 ดอลลาร์ หรือ 1.35% ปิดที่ 113.71 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ราคายังคงเพิ่มสูงขึ้น 1% โดยประมาณ
รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ระดับ 73.6 จากระดับ 72.3 ในเดือนก่อนหน้านี้ เมื่อเทียบกับที่ระดับ 72.2 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่พุ่งสูงเกินคาดถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่แข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสนี้
ด้านคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ค. เพิ่มสูงเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของสหรัฐ โดยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจซึ่งเป็นข้อมูลชี้วัดแนวโน้มเศรษฐกิจในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากที่ลดลง 0.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2%
ข้อมูลบ่งชี้ 7 ใน 10 รายการของดัชนีบ่งชี้เศรษฐกิจหนุนให้ดัชนีพุ่งสูงขึ้นซึ่งนำโดยข้อมูลการอนุญาตสร้างบ้านและยอดการขอรับสวัสดิการว่างงาน ขณะที่ข้อมูลบ่งชี้ 2 รายการปรับตัวลดลง โดยมีข้อมูลสัปดาห์การทำงานโดยเฉลี่ยที่ทรงตัวในระดับเดิมในเดือนก.ค.
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาที่จะระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อควบคุมราคาเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับสูงในรอบ 3 เดือน และเพื่อลดต้นทุนพลังงาน
นายจอช เอิร์นเนสท์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวกับผู้สื่อข่าวในเช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นทางเลือกหนึ่ง ในขณะที่รายงานข่าวอีกแหล่งหนึ่งระบุว่า สหรัฐกำลังติดตามราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าราคาจะปรับตัวลงหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจในขั้นสุดท้าย
ทั้งนี้ ดูเหมือนว่า ข่าวเกี่ยวกับการระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์จะมีผลกระทบต่อน้ำมันดิบเบรนท์มากกว่าน้ำมันดิบ WTI โดยข่าวดังกล่าวเป็นสาเหตุให้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมากกว่า 10% ในเดือนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทาน ท่ามกลางเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ของแหล่งน้ำมันสำคัญๆในทะเลเหนือ
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อน้ำมันดิบเบรนท์ โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า การผลิตน้ำมันในทะเลเหนือซึ่งเป็นแหล่งผลิตของน้ำมันดิบเบรนท์ จะกลับมาดีดตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงแค่ในระยะสั้นๆ รวมไปถึงจะมีแรงขายทำกำไรหลังจากที่ราคาพุ่งสูงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา