สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 48 เซนต์ ปิดที่ 92.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 91.92-93.44 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.73 ดอลลาร์ ปิดที่ 112.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 112.41-114.34 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบอ่อนแรงลงเนื่องผลการเลือกตั้งของอิตาลีก่อให้เกิดความวิตกว่าวิกฤตหนี้ยูโรโซนอาจปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ผลเบื้องต้นระบุว่าพรรคกลาง-ซ้ายของนายปิแอร์ ลุยจิ เบอร์ซานีกวาดเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่กลับมีที่นั่งไม่มากพอในวุฒิสภา ซึ่งทำให้เป็นเรื่องยากในการที่จะผ่านร่างกฎหมายต่างๆ
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นแตะ 69.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนพ.ย.2555 จากระดับ 58.4 ในเดือนม.ค.
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.พุ่งขึ้น 15.6% แตะที่ 437,000 ยูนิตในรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนก.ค.2551 ขณะที่ราคากลางของบ้านใหม่ในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 2.1% สู่ระดับ 226,400 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.ปีก่อน และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เผย ราคาบ้านในสหรัฐปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในเดือนธ.ค. ซึ่งส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐที่ความแข็งแกร่ง
การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ก.พ. เพิ่มขึ้น 904,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่น ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจลดลง 950,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.2%