สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 56 เซนต์ ปิดที่ 90.12 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 89.33-90.91 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 31 เซนต์ ปิดที่ 110.09 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 109.58-110.89 ดอลลาร์
ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการลดงบประมาณการใช้จ่ายโดยอัตโนมัติของสหรัฐ (sequestration) หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งเพื่อเริ่มบังคับใช้มาตรการลดการใช้จ่ายของรัฐบาล วงเงินรวม 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งการลงนามดังกล่าวมีขึ้นหลังจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันประสบความล้มเหลวในการหาทางออกร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดลดงบประมาณแบบอัตโนมัติ โดยตัวแทนจากพรรคเดโมเครตเรียกร้องให้มีการขึ้นภาษีกับคนรวย ขณะที่ทางพรรครีพับลีกันคัดค้านการเก็บภาษีเพิ่ม
นอกจากนี้ ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการเพื่อดึงราคาอสังหาริมทรัพย์ให้อ่อนตัวลง ประกอบกับอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวลงของธุรกิจบริการของประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนกำหนดให้ผู้ซื้อบ้านต้องวางเงินดาวน์สูงขึ้นพร้อมกำหนดอัตราดอกเบี้ยจำนองบ้านมือสองเพิ่มขึ้นในหลายเมือง หลังราคาได้ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้ภาษีการขายอย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นความพยายามของเจ้าหน้าที่ในการลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาดูสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งจะรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 มี.ค.ในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 850,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.3%