สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 39 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 90.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 89.55-91.17 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 55 เซนต์ ปิดที่ 111.06 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 110.46-112.23 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 มี.ค. พุ่งขึ้น 3.83 ล้านบาร์เรล แตะที่ 381.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 800,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 3.83 ล้านบาร์เรล แตะที่ 120.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 850,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 616,000 บาร์เรล แตะที่ 227.9 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันร่วงลง 2.9% แตะที่ 82.2% ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากรายงานของ ADP ที่ระบุว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 198,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่ง และยังเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 ปี ส่งสัญญาณว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังฟื้นตัว
ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ในวันศุกร์นี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 7.9% ในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์การเมืองในเวเนซูเอล่า ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 4 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) หลังจากที่ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ได้ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 58 ปี หลังจากที่ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งมาเป็นเวลานาน ทั้งนี้ ภายใต้รัฐธรรมนูญของเวเนซูเอล่าระบุว่า หากประธานาธิบดีที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่เสียชีวิตลง จะต้องมีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ภายในเวลา 30 วัน