ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดสิงคโปร์ขยับสูงขึ้นเล็กน้อยในเช้าวันนี้ (12 ธ.ค.) เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการซื้อขายในตลาดน้ำมัน สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ในช่วงเช้าวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนม.ค. และได้มีการซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 28 เซนต์ แตะระดับ 90.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่พุ่งทะยานขึ้น 64 เซนต์ปิดที่ระดับ 90.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา เดวิด มัวร์ นักยุทธศาสตร์ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จากคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออสเตรเลียกล่าวว่า "ราคาน้ำมันแทบจะไม่เคลื่อนไหวในเช้าวันนี้" ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ที่ทะเลเหนือส่งมอบเดือนก.พ.ขยับขึ้น 29 เซนต์สหรัฐปิดที่ 91.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่สัญญาน้ำมันปิดลดลง 40 เซนต์สหรัฐที่ระดับ 91.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในตลาดลอนดอนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เมื่อเช้าวานนี้ ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นหลังจากที่พายุหิมะเข้าถล่มพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นตลาดน้ำมันฮีทติ้งออยล์รายใหญ่ที่สุดในโลก นายมัวร์กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ชะลอตัวลงบางส่วนเป็นผลจากการคาดการณ์ที่ว่าพายุหิมะจอ่อนกำลังลงในอีก 2 สัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ ศูนย์การศึกษาพลังงานระดับโลกในลอนดอนเปิดเผยวานนี้ว่า ดูเหมือนว่าปัจจัยด้านสภาพอากาศจะไม่ได้ส่งผลดีต่อผู้บริโภคมากนัก "แม้ว่ากำลังการผลิตน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังคงมีการคาดกันว่า ราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับสูงต่อไปจนถึงฤดูหนาวและต่อเนื่องไปจนถึงปี 2551 แม้ว่าจะมีความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ" ในปีนี้ โอเปคได้พิจารณาเรื่องกำลังการผลิตน้ำมันอย่างรอบคอยเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ตลาดเผชิญภาวะราคาน้ำมันตกต่ำเหมือนดังที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปีที่ผ่านมา นายชากิบ เคลิล รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของอัลจีเรียกล่าวว่า เขาจะกระตุ้นให้กลุ่มโอเปคเพิ่มกำลังการผลิตในที่ประชุมเดือนก.พ. ซึ่งนายคาลิลจะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมดังกล่าว