ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 2.30 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่าน้ำมันเบนซินสำรองปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด ขณะที่ราคาโลหะทองแดงปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเหตุประท้วงซึ่งเกิดขึ้นที่เหมืองในประเทศชิลีอาจทำให้เกิดภาวะอุปทานทองแดงตึงตัว สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำในตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดที่ 662.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ร่วงลง 2.30 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 667.80-661.30 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ทรงตัวที่ 12.975 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนส.ค.ดีดตัวขึ้น 1.15 เซนต์ ปิดที่ 3.6215 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินั่มส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,316.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.60 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 371.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พุ่งขึ้น 1.20 ดอลลาร์ นายเดวิด เตอร์เทลล์ นักวิเคราะห์ด้านโลหะมีค่าจากบีเอ็นพี พาริบาส์กล่าวว่า ราคาทองคำได้รับอิทธิพลโดยตรงจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่ร่วงลง หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าน้ำมันเบนซินสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 6 ก.ค. พุ่งขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 205.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 640,000 บาร์เรล "แต่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจโลหะทองแดง เพราะเชื่อว่าเหตุการณ์ประท้วงที่เมืองทองแดงโคเดลโค แอนดิดา และเหมืองทองแดงคอลลาฮอซี ในชิลี อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหมืองแร่โดยรวมในละตินอเมริกา" นายเตอร์เทลล์กล่าว