ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ (16 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจซึ่งเป็นผลมาจากความผันผวนในตลาดเงินทั่วโลก นักลงทุนหวั่นวิตกว่าอุปสงค์พลังงานของสหรัฐอาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนในระบบการเงินซึ่งเป็นผลพวงที่เกิดจากวิกฤติการณ์ด้านตลาดปล่อยกู้จำนองให้ลูกหนี้ที่ขาดความน่าเชื่อถือ (ซับไพรม์) ของสหรัฐ ซึ่งปัญหาดังกล่าวเริ่มกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการขยายตัวในสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ในช่วงเช้าวันนี้สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย.และได้มีการซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลง 53 เซนต์ แตะระดับ 72.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) ที่ระดับ 73.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล "ความหวั่นวิตกที่เกิดขึ้นบ่งชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่จะเผชิญความเสี่ยงสูง เช่นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวน ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ดังกล่าวในช่วงตลาดเผชิญความผันผวนอย่างมาก" ดาเรียส โควาลเคียก นักวิเคราะห์จากซีเอฟซี ซีย์มัวร์กล่าวว่า "ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้บ่งบอกถึงความเสี่ยงทั่วโลกที่อาจมีเพิ่มมากขึ้น" โควาลเคียกกล่าวว่า นักลงทุนได้เทขายสัญญาในตลาดน้ำมันออกมาเนื่องจากความกังวลว่าอุปสงค์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงนั้น อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐและการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับอิทธิพลจากรายงานของกระทรวงพลังงานของสหรัฐที่ระบุว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 10 ส.ค.ทรุดตัวลง 5.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 335.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 2.1 ล้านบาร์เรล