ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: วิตกเศรษฐกิจสหรัฐ ฉุดน้ำมันดิบร่วงปิดที่ 72.06$

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 3.42 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนส่งแรงขายทำกำไรเข้าตลาด ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ 
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 3.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 
          ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.ปรับตัวลง 10.31 เซนต์ ปิดที่ 1.9259 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 9.47 เซนต์ ปิดที่ 1.9393 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย. ดิ่งลง 3.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
          นายเอ็ด แมร์ นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอล กล่าวว่า ข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงได้ทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจทำให้ความต้องการน้ำมันลดลงด้วย ด้วยเหตุนี้จึงมีแรงขายทำกำไรเข้ามาเป็นจำนวนมาก 
          "ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐรวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.ที่เพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. โดยมีการจ้างงานเพียง 92,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ต้นปีนี้ และดัชนีภาคบริการในเดือนก.ค.อยู่ที่ 55.8 จุด ซึ่งชะลอตัวจากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 60.7 จุด" นายแมร์กล่าว
          อย่างไรก็ตาม นายจิม ริทเทอร์บุช นักวิเคราะห์จากริทเทอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ ในรัฐอิลลินอยส์ ได้แสดงความคิดเห็นว่า "การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างรุนแรงครั้งนี้เป็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มกองทุนที่กระหน่ำเทขายสัญญาน้ำมันอย่างหนัก ผมเชื่อว่าราคาน้ำมันยังไม่เข้าสู่ช่วงขาลง และคาดว่าราคามีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้"
          นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานน้ำมันสำรองซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์คาดว่าน้ำมันดิบสำรองจะร่วงลง 2.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเป็นการลดลง 5 สัปดาห์ติดต่อกัน
          ขณะเดียวกันคาดว่าน้ำมันเบนซินสำรองจะเพิ่มขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล และคาดว่าน้ำมันกลั่นจะพุ่งขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันคาดว่าจะขยับขึ้น 0.1%