กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อคน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 14 มี.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาร์เรล สู่ระดับ 311.8 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 3.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 232.5 ล้าน บาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 400,000 บาร์เรล และสต็อคน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซลลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 113.5 ล้านบาร์เรลซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุด วันที่ 24 มิ.ย.2548 และลดลงมากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราการกลั่นน้ำมันร่วงลง 1.2% สู่ระดับ 83.8% ปริมาณการใช้น้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทอื่นๆปรับตัวลดลง 3.2% ส่วนความต้องการน้ำมันเบนซินลดลง 1%
สต็อคน้ำมันข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์:
[email protected]