ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 2.46 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนักกับข่าวที่ว่าเรือรบของกองทัพสหรัฐยิงปืนเตือนเรือลาดตระเวน 2 ลำของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซอร์ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่านอาจทำให้เกิดภาวะตัดขัดด้านการส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดพุ่งขึ้น 2.46 ดอลลาร์ แตะระดับ 118.52 ดอลลาร์ หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 119.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 3.51 เซนต์ แตะระดับ 3.0537 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 4.45 เซนต์ แตะระดับ 3.3028 ดอลลาร์/แกลลอน
ราคาน้ำมันทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อข่าวที่ว่า เรือรบของกองทัพสหรัฐยิงปืนเตือนเรือลาดตระเวน 2 ลำของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซอร์ ซึ่งเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุการณ์ที่เรือรบของอิหร่านและสหรัฐเผชิญหน้ากันที่ช่องแคบฮอร์มุซ โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐรายงานว่า เรือเร็วสัญชาติอิหร่าน 5 ลำได้แล่นเข้าประชิดและข่มขู่โจมตีเรือรบสหรัฐ 3 ลำในช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญของโลก
นักลงทุนยังคงกังวลกับข่าวที่ว่ากลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนได้ลอบโจมตีท่อส่งน้ำมันของบริษัทเชลล์ ปิโตรเลียม ดิเวลล็อปเมนท์ ในไนจีเรีย จนเป็นเหตุให้เชลล์ประกาศปิดโรงกลั่นที่มีกำลังการผลิต 169,000 บาร์เรล/วันแห่งนี้ พร้อมทั้งประกาศ "ภาวะสุดวิสัย (force majeure)" โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 22 เม.ย.เป็นต้นไป และข่าวที่ว่า บริษัทบีพีอาจปิดท่อส่งน้ำมันฟอร์ตี้ในอังกฤษหากเหตุการณ์ประท้วงยังคงยืดเยื้อ ซึ่งท่อส่งแห่งนี้สามารถลำเลียงน้ำมันได้ 700,000 บาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับอิทธิพลจากรายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐที่ระบุว่า สต็อคน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 18 เม.ย.พุ่งขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 316.1 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อคน้ำมันเบนซินร่วงลง 3.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 212.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล
สต็อคน้ำมันกลั่นซึ่งรวมน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ร่วง 1.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 104.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 300,000 บาร์เรล ขณะที่อัตราการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 4.2% แตะระดับ 85.6 % ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่รอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ก.พ.