คณะกรรมการกำกับดูแลการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯได้ใช้เวลา 6 เดือนในการตรวจสอบภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันของสหรัฐ โดยมุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมการปั่นราคาที่คณะกรรมการฯเชื่อว่าเกิดขึ้นในตลาด
"คณะกรรมการ CFTC เริ่มดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้วและเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ เพราะคณะกรรมการฯเล็งเห็นว่าภาวะการซื้อขายในตลาดขณะนี้มีความผิดปกติอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" คณะกรรมการ CFTC กล่าวในแถลงการณ์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้นกว่า 42% นับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.ปี 2550 และแม้ว่าราคาน้ำมันจะร่วงลงกว่า 4% ปิดที่ระดับ 126.62 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ แต่ราคายังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับที่สูงมาก ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินโดยเฉลี่ยพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 4 ดอลลาร์/แกลลอน พุ่งขึ้นราว 3.20 ดอลลาร์จากปีที่แล้ว
คณะกรรมการ CFTC กล่าวว่า ทางคณะกรรมการกำลังสำรวจพฤติกรรมการทุ่มซื้อสัญญาน้ำมันที่มากเกินไป ตลอดจนการส่งมอบ การกักตุน และการค้าน้ำมันทั่วประเทศที่บิดเบือนไปจากสถานการณ์ความเป็นจริง อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเบื้องลึกในเรื่องเหล่านี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการได้ริเริ่มใช้มาตรการเพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการซื้อขายสัญญาน้ำมันในตลาดล่วงหน้าทั้งในสหรัฐและในตลาดต่างประเทศ ซึ่งได้แก่การกำหนดให้นักลงทุนสถาบันซึ่งมีอิทธิพลต่อความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ ยื่นรายงานการซื้อขายประจำเดือนต่อทางคณะกรรมการฯ โดยมีเป้าหมายที่จะคำนวณดัชนีการซื้อขายได้อย่างถูกต้องและเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าการซื้อขายของสถาบันการเงินจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน
คณะกรรมการ CFTC ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดน้ำมันล่วงหน้าของอังกฤษ และยุโรป เพื่อขยายผลการตรวจสอบการซื้อขายสัญญาน้ำมันในตลาดล่วงหน้า รวมถึงสัญญาน้ำมันดิบที่มีการซื้อขายในตลาด West Texas Intermediate ซึ่งซื้อขายสัญญาน้ำมัน NYMEX ทางระบบอิเล็กทรอนิก
"การใช้มาตรการดังกล่าวจะช่วยยกระดับการตรวจสอบตลาดน้ำมันล่วงหน้า เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการซื้อขายเป็นไปอย่างสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานด้านอุปสงค์และอุปทาน ปลอดจากการปั่นราคา และการฉ้อโกง" คณะกรรมการ CFTC กล่าวในแถลงการณ์
นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า การดำเนินการของ CFTC อาจมีเป้าหมายที่จะจำกัดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับราคาน้ำมัน ซึ่งที่ผ่านมานั้นราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากหลายปัจจัย รวมถึงความต้องการพลังงานในจีนและกลุ่มประเทศยักษ์ใหญ่ ที่พุ่งสูงขึ้น สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่กระตุ้นให้นักลงทุนสถาบันเข้าซื้อสัญญาน้ำมัน และส่งผลให้ราคาสัญญาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า การดำเนินการตรวจสอบตลาดน้ำมันสหรัฐของคณะกรรมการ CFTC ในครั้งนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ด้วย สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--