นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 ในสัปดาห์นี้ เพราะเชื่อว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะยังคงอ่อนค่าลง ซึ่งจะกระตุ้นนักลงทุนให้แห่เข้าซื้อสัญญาทองคำ นอกจากนี้ ตลาดทองคำจะได้รับปัจจัยจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่ว่า ทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจโลกถดถอยและเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นทั่วโลก
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 7.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 819.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงและข่าวที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการฟื้นฟูตลาดที่อยู่อาศัยและเพิ่มการปล่อยกู้ให้กับผู้บริโภค มูลค่ารวม 8 แสนล้านดอลลาร์
ร็อบ เคอร์ซาโคสกี้ นักวิเคราะห์ด้านโลหะมีค่าจาก OptionsXpress กล่าวว่า ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ รวมทั้งข่าวที่ว่าเฟดตัดสินใจใช้มาตรการฟื้นฟูตลาดที่อยู่อาศัยและรัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในธนาคารซิตี้กรุ๊ป อิงค์ นอกจากนี้ การที่บารัค โอบามา ประกาศแต่งตั้งทิโมธี ไกธ์เนอร์ ดำรงตำแหน่งรมว.คลัง และแต่งตั้งลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส เป็นผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ นับเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อเข้าสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำ"
มอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีพ.ศ.2554 เนื่องจากหลากหลายปัจจัย รวมถึงผลผลิตทองคำจากเหมือนทั่วโลกปรับตัวลดลง ต้นทุนการผลิตทองคำในเหมืองพุ่งสูงขึ้น และความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้น
ฮุสเซน อัลลิดินา นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวของบลูมเบิร์กที่สิงคโปร์ว่า "การผลิตทองคำในเหมืองทั่วโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเมื่อปีพ.ศ.2544 และเริ่มปรับตัวลดลงนับจากนั้น ในขณะที่ความต้องการทองคำทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะความต้องการทองคำที่จะนำไปผลิตเป็นอัญมณีเพิ่มขึ้น" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน