บีพี พีแอลซี บริษัทผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป เปิดเผยว่าบริษัทขาดทุน 3.3 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2551 หลังราคาน้ำมันร่วงหนักจนส่งผลให้รายได้ลดลงตามไปด้วย
โดยตัวเลขขาดทุนดังกล่าวถือว่าย่ำแย่มากเมื่อเทียบกับกำไร 8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ของปีเดียวกัน และกำไร 4.4 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ของปี 2550
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณารวมทั้งปี 2551 กำไรของบริษัทก็ยังขยายตัวเล็กน้อยแตะ 2.12 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 2.08 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2550
ปัจจัยหลักที่ทำให้บีพีขาดทุนในไตรมาส 4 คือราคาน้ำมันที่ร่วงหนัก โดยในช่วงกลางเดือนก.ค.ราคาน้ำมันยังสูงถึง 147 ดอลาร์ต่อบาร์เรล แต่ในปัจจุบันราคาน้ำมันร่วงลงเหลือเพียง 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
นอกจากนั้นบีพียังชี้ว่า สกุลเงินยูโรและปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบเงินดอลลาร์ รวมถึงระบบการเก็บภาษีที่ไรประสิทธิภาพของรัสเซีย เป็นสาเหตุให้ผลประกอบการของบริษัทอ่อนแอลงด้วยเช่นกัน
นักลงทุนกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าในวันนี้บีพีจะประกาศแผนการลงทุนใหม่ๆสำหรับช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้หรือไม่ หลังแนวโน้มเศรษฐกิจโลกซบเซาจนทำลายความหวังว่าราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์จะปรับตัวสูงขึ้นในเร็ววันนี้
โดยแผนหนึ่งซึ่งคาดว่า โทนี่ เฮย์เวิร์ด ซีอีโอคนใหม่ของบีพีจะใช้คือ การเพิ่มศักยภาพการผลิตให้เทียบเท่าบริษัทผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของยุโรปอย่าง รอยัล ดัชท์ เชลล์ แม้กำไรจากการสำรวจและผลิตน้ำมันจะลดลงก็ตาม สำนักข่าวเอพีรายงาน