สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดในรอบห้าสัปดาห์เมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ได้เพิ่มความน่าดึงดูดให้นักลงทุนเข้าซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ข้อมูลตัวเลขจ้างงานและอัตราว่างงานเดือนก.พ.ที่บ่งชี้สภาพเศรษฐกิจอันเลวร้าย ไม่สามารถสลายความกังวลเรื่องอุปทานอันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าโอเปคจะลดกำลังการผลิต รวมถึงคลังน้ำมันสำรองสหรัฐร่วงลงเกินคาดได้
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 1.91 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา สัปดาห์นี้ราคาไต่ขึ้น 1.7% และปรับขึ้นแล้ว 2.1% ในปีนี้
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออล์ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 6.96 เซนต์ ปิดที่ 1.2294 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 1.95เซนต์ ปิดที่ 1.3322 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนไต่ขึ้น 1.21 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.85 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. ที่สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดที่ระดับสูงกว่าสัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดลอนดอน
ทั้งนี้ น้ำมันพุ่งขึ้นและดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.พ. ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 25 ปีที่ 8.1% ขณะที่ตัวเลขจ้างงานลดลง 651,000 ตำแหน่ง
ฟิล ฟลินน์ เทรดเดอร์อาวุโสจากอลารอน เทรดดิ้ง คอร์ป ในชิคาโก กล่าวว่า ราคาน้ำมันขยับสูงขึ้นเพราะตัวเลขว่างงานส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าลง 0.8% แตะ $1.2635 ต่อยูโร จากระดับ $1.254 ในวันก่อนหน้านี้ ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้นักลงทุนต่างชาติ โดยน้ำมันซึ่งซื้อขายกันด้วยเงินดอลลาร์ มักจะราคาสูงขึ้นเมื่อเงินดอลลาร์อ่อนค่า
ด้านนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งกล่าวว่า ที่ผ่านมาเทรดเดอร์ซึมซับตัวเลขเศรษฐกิจอันเลวร้ายและข่าวการเงินแง่ลบรายวันมามากพอแล้ว และเริ่มหันมองปัจจัยอื่นๆบ้างในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ คลังน้ำมันดิบสำรองสหรัฐที่ร่วงลงลงเกินคาดหลังจากที่ราคาน้ำมันถูกลงได้กระตุ้นอุปสงค์ โดยรัฐบาลสหรัฐกล่าวว่า สต็อกน้ำมันดิบร่วงลง 700,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ประกอบกับการที่โอเปคมีทีท่าว่าจะลดการผลิตลงอีก ได้เพิ่มความกังวลเรื่องอุปทานเป็นอย่างมาก
โดยอุปทานน้ำมันโลกเริ่มกลับมาเป็นที่จับตาอีกครั้งในเดือนนี้ หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ โอเปค เผยว่าจะพิจารณาลดการผลิตเป็นครั้งที่สี่ในการประชุมระดับรัฐมนตรีวันที่ 15 มีนาคมนี้ หลังจากที่การลดกำลังการผลิตของโอเปคก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการแยแสมากนัก เนื่องจากเทรดเดอร์ให้ความสนใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยลงว่าจะทำให้อุปสงค์น้ำมันดิ่ง ซึ่งส่งผลสืบเนื่องให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนก.ค.2551