ราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์มีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลดลงมากสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบเงินยูโร ส่งผลให้สินค้าโภคภัณฑ์ดึงดูดใจนักลงทุนน้อยลง
โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง 10% ในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางกระแสความวิตกว่าภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยที่ยืดเยื้อออกไปอาจทำให้อุปสงค์พลังงานลดลง ในขณะเดียวกันเมื่อวานนี้สัญญาน้ำมันดิบได้ร่วงลงแตะ 59.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดระหว่างวันนับตั้งแต่ต้นปี
"ปัจจัยที่มีอิทธิพลอันดับหนึ่งยังคงเป็นอุปสงค์น้ำมัน หรือพูดได้ว่าเศรษฐกิจยังคงมีอิทธิพลมากที่สุด" เคน ฮาเซกาว่า ผู้จัดการฝ่ายขายสินค้าโภคภัณฑ์จากบริษัทโบรกเกอร์ นิวเอจ ในโตเกียว กล่าว "วันนี้ราคาน้ำมันอาจแตะระดับต่ำสุดของเมื่อวานนี้ และหากราคาน้ำมันลดลงอีก สัญญาน้ำมันก็คงถูกเทขายออกไปอีก"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนส.ค.ร่วง 44 เซนต์ หรือ 0.7% แตะ 59.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในตลาดนิวยอร์ก และอยู่ที่ระดับ 60.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 11.20 น.ตามเวลาสิงคโปร์
เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่ลดลงตลอด 6 วันที่ผ่านมา หลังสหรัฐเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. โดยสัญญาเมื่อวานนี้บวก 0.5% ปิดที่ 60.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเพิ่มขึ้น 36% นับตั้งแต่ต้นปี
ด้านเงินดอลลาร์ซื้อขายที่ระดับ 1.3970 ดอลลาร์ต่อยูโร ณ เวลา 11.00 น.ตามเวลาสิงคโปร์ แข็งค่าจากระดับปิดที่ 1.4020 ดอลลาร์ต่อยูโรในนิวยอร์ก และอ่อนค่าแตะ 92.88 เยนต่อดอลลาร์ จาก 92.99 เยนต่อดอลลาร์