สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) หลังจากทางการจีนเปิดเผยว่าเศรษฐกิจภายในประเทศขยายตัวเร็วขึ้นในไตรมาสสอง และทางการสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ปรับตัวลดลง
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดบวก 48 เซนต์ ปิดที่ 62.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 62.05-60.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.7135 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.73 เซนต์ ปิดที่ 1.5994 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ร่วงลง 34 เซนต์ ปิดที่ 62.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท อลารอน เทรดดิ้ง กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพราะเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วจะช่วยให้ดีมานด์พลังงานเพิ่มขึ้นด้วย โดยเมื่อวานนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนช่วงไตรมาสสองขยายตัวขึ้นแตะระดับ 7.9% จากปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่ขยายตัว 7.1% ในไตรมาสแรก หลังจากที่รัฐบาลได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและยอดการปล่อยเงินกู้ที่พุ่งสูงขึ้นช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ดีดตัวขึ้น
เศรษฐกิจจีนสามารถดีดตัวขึ้นจากที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 10 ปี เนื่องจากมียอดการลงทุนและการปล่อยเงินกู้เพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ซึ่งช่วยชดเชยยอดส่งออกที่ตกต่ำลง ขณะที่ทุนสำรองเงินต่างประเทศของจีนในไตรมาสสองพุ่งทะลุ 2 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาตินำเม็ดเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่าปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้น 10.7% จากระดับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่ขยายตัวขึ้นสูงกว่าสถิติเดือนพ.ค.ที่ขยายตัว 8.9% และเมื่อพิจารณาตามระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวขึ้น 7% ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ปรับตัวลดลง 47,000 ราย แตะระดับ 522,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขดังกล่าวจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 575,000 ราย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับรายงานที่ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 ก.ค.ลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 344.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล แตะระดับ 159.3 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล แตะที่ 214.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.1% แตะที่ 87.9%