สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขยอดการสร้างบ้านใหม่เดือนมิ.ย.ที่พุ่งสูงขึ้นกว่าคาดการณ์ นับเป็นอีกสัญญาณบ่งชี้ที่ว่า จุดเลวร้ายที่สุดของภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจจะผ่านพ้นไปแล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดบวก 1.54 ดอลลาร์ หรือ 2.48%ปิดที่ 63.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 61.04 - 63.99 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 5.64 เซนต์ หรือ 3.3% แตะระดับ 1.7699 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 4.16 เซนต์ ปิดที่ 1.6410 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน บวก 1.63 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดการสร้างบ้านใหม่ในเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 14% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 7 เดือน บิล โอเกรดี หัวหน้านักวิเคราะห์ของคอนฟลูเอนซ์ อินเวสเมนท์ เมเนจเมนท์ กล่าวว่า ตัวเลขสร้างบ้านใหม่ถือเป็นสถิติที่ดีมาก เราเริ่มที่จะได้เห็นข้อมูลบ่งชี้ที่ว่า ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดของภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ทอม เบนซ์ นักวิเคราะห์อาวุโสด้านพลังงานของบีเอ็นพี พาริบาส์ คอมมอดิตี ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ข่าวเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ค่อนข้างจะสดใสกว่าเดิมและทำให้ตลาดน้ำมันปรับตัวขึ้น ดังนั้น จึงเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันอาจจะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 65 ดอลลาร์เร็วๆนี
ทั้งนี้ จีนซึ่งเป็นประเทศที่ใช้พลังงานมากเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ ได้แปรรูปน้ำมันดิบเป็นจำนวนมากเมื่อเดือนมิ.ย. เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วกระตุ้นให้มีการใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น