สัญญาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าและจากกระแสความวิตกว่าอัตราเงินเฟ้ออาจปรับตัวสูงขึ้น
โดยสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค.ทะยานแตะ 1,004.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นรวม 14% นับตั้งแต่ต้นปี ส่วนราคาทองคำส่งมอบทันทีปรับตัวสูงขึ้นแตะ 1,002.73 ดอลลาร์/ออนซ์
รัฐบาลหลายประเทศต่างปรับลดดอกเบี้ยและกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงสุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันตนเองจากอัตราเงินเฟ้อที่อาจพุ่งสูงและสกุลเงินที่อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลง 4.2% แล้วในปีนี้ ทั้งนี้ โดยปกติแล้วราคาทองคำจะเคลื่อนตัวสวนทางกับเงินดอลลาร์
"นักลงทุนมีทางเลือกไม่มากนักในการลงทุนในสินทรัพย์อื่นในช่วงที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าและอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง" ฮวาง อิล ดู หัวหน้าฝ่ายซื้อขายจากบริษัท เคอีบี ฟิวเจอร์ส กล่าว "ราคาทองคำมีสิทธิพุ่งแตะ 1,100 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นปีนี้ เมื่ออุปสงค์จากจีนและอินเดียปรับตัวสูงขึ้น"
ครั้งล่าสุดที่ราคาทองคำซื้อขายเหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ คือเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2551 ที่ราคาทองคำพุ่งเหนือระดับดังกล่าว
สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค.บวก 0.7% แตะ 1,003.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ในตลาดนิวยอร์ก ณ เวลา 14.19 น.ตามเวลาสิงคโปร์ ส่วนราคาทองคำส่งมอบทันทีอยู่ที่ 1,001.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้หุ้นบริษัทผลิตทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นนิวเครสท์ ไมนิ่ง บริษัททำเหมืองทองคำรายใหญ่สุดของออสเตรเลีย ทะยาน 5% ส่วนหุ้น Lihir Gold บริษัททำเหมืองทองคำรายใหญ่อันดับสองบวก 4.7% และหุ้น Zijin Mining Group Co. ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่สุดของจีน ทะยาน 5% ในตลาดหุ้นฮ่องกง สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน