สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยรายงาน "Gold in the Year of the Tiger" ในวันนี้ ซึ่งระบุว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ ความต้องการทองคำในประเทศจีนมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเป็นสองเท่าจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากปริมาณการใช้เครื่องประดับและการลงทุนปรับตัวสูงขึ้น
รายงานดังกล่าวบ่งชี้ว่า ดีมานด์ทองคำในจีนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 13% ต่อปีภายในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา โดยจีนถือเป็นตลาดผู้ใช้ทองคำรายใหญ่อันดับสองของโลก และติดอันดับผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2550
ทั้งนี้ WGC กล่าวว่า เฉพาะในปีพ.ศ.2552 เพียงปีเดียว ดีมานด์ทองคำสะสมในจีนมีมูลค่าสูงกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 11 ของดีมานด์ทองคำทั่วโลก และคาดว่าภายใน 10 ข้างหน้า ปริมาณการใช้ทองคำในจีนจะพุ่งขึ้นเป็นสองเท่าจากระดับปัจจุบัน และคาดว่าในระยะยาวนั้น ดีมานด์ทองคำในจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการของผู้ซื้อยังคงเพิ่มขึ้นแม้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
WGC ยังกล่าวด้วยว่า อีกปัจจัยที่อาจทำให้ดีมานด์ทองคำในประเทศจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากการที่ธนาคารกลางจีนเพิ่มปริมาณทองคำในทุนสำรองต่างประเทศ
นอกจากนี้ WGC ระบุว่า ในอดีตนั้น ทองคำที่ผลิตขึ้นในจีนมีปริมาณเพียงพอสำหรับตอบสนองความต้องการทองคำส่วนใหญ่ในประเทศ แต่นับตั้งแต่ปีพ.ศ.2535 ความต้องการทองคำในจีนมีมากเกินกว่าที่ปริมาณการผลิตในประเทศจะสามารถรองรับได้
"กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อในระยะใกล้ และรายได้ที่สูงขึ้น อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นประชาชนให้เข้าลงทุนในทองคำเพราะเชื่อว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง และเพื่อเป็นการปกป้องความมั่งคั่งของตนเอง ส่วนปัจจัยด้านซัพพลาย อาทิ ต้นทุนการพัฒนาเหมืองแร่ที่สูงขึ้นและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดภาวะซัพพลายตึงตัว ก็อาจเป็นสาเหตุที่หนุนราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น" WGC กล่าวWGC กล่าวว่า ดีมานด์ทองคำจากนักลงทุนและอุตสาหกรรมเครื่องประดับในจีน ซึ่งเป็นสองผู้ซื้อรายใหญ่สุดในประเทศ ทะยานขึ้นแตะระดับ 432 ตันในปี 2552 ขณะที่ซัพพลายจากเหมืองทองคำภายในประเทศมีอยู่ราว 314 ตัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน