นายมุสตาฟา มูฮัมหมัด รมว.การค้าและอุตสาหกรรมภายในประเทศของมาเลเซีย คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าของมาเลเซียมีแนวโน้มที่เป็นบวกในปีนี้ หลังจากอุตสาหกรรมการก่อสร้างฟื้นตัวขึ้น โดยคาดว่าบริษัทเหล็กและเหล็กกล้าท้องถิ่นจะทุ่มเงินลงทุนมูลค่า 300 ล้านริงกิต หรือ 93.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอีก 1-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากบริษัทมียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น
นายมุสตาฟายังกล่าวด้วยว่า การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจมาเลเซียกำลังมีการขยายตัว ขณะที่อัตราการลงทุนภายในประเทศก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นด้วยเนื่องจากรัฐบาลใช้นโยบายดึงดูดการลงทุนภายในประเทศ โดยในขณะที่การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) เป็นปัจจัยสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลก็ต้องการกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้ นายมุสตาฟากล่าวว่า อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าในมาเลเซียได้รับแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนภายในประเทศ
ข้อมูลจากบรรษัทเพื่อการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศของมาเลเซียระบุว่า ยอดส่งออกของอุตสาหกรรมเหล็กมาเลเซียในปี 2552 ลดลง 22.6% มาอยู่ที่ระดับ 2.33 หมื่นล้านริงกิต หรือ 7.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 29.4% สู่ระดับ 3.96 หมื่นล้านริงกิต หรือ 1.238 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ดีมานด์เหล็กในมาเลเซียเริ่มดีดตัวขึ้นในปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่บริษัทเหล็กเรียกร้องทางกระทรวงประกาศห้ามนำเข้าเศษโลหะ
นอกจากนี้ นายมุสตาฟากล่าวว่า ทุกข้อเสนอที่มีมาถึงเขานั้นจะถูกนำไปหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและที่ประชุมกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมภายในประเทศ เพื่อนำไปศึกษาข้อดีและข้อเสียก่อนที่จะมีการตัดสินใจใดๆ รวมถึงการนำมาตรการห้ามนำเข้าเศษโลหะกลับมาใช้อีกครั้ง สำนักข่าวซินหัวรายงาน