สภาทองคำโลก (World Gold Council - WGC) รายงานว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกยังคงแข็งแกร่งในปีนี้ เนื่องจากความต้องการในจีนและอินเดียที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และคาดว่าความต้องการด้านการลงทุนในทองคำจะยังคงเพิ่มขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนจะทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
WGC เปิดเผยในรายงานว่า อินเดียซึ่งเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่สุดของโลก นำเข้าทองคำในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 ที่ระดับ 348 ตัน พุ่งขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ระดับ 559 ตัน ขณะที่ความต้องการอัญมณีในอินเดียเพิ่มขึ้น 67% สู่ระดับ 272.5 ตัน และดีมานด์การลงทุนด้านทองคำในอินเดียพุ่งขึ้นสู่ระดับ 92.5 ตัน
อินเดียเข้าซื้อทองคำเป็นจำนวนมากในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ และมีแนวโน้มว่าจะซื้อเพิ่มขึ้นไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพราะโดยปกติในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.มักเป็นช่วงที่ยอดขายอัญมณีในอินเดียพุ่งขึ้นสูงสุด เนื่องจากมีผู้ซื้ออัญมณีไปใช้ในเทศกาลแต่งงานและเทศกาล "ทิวาลี" ของศาสนาฮินดู ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.นี้ นอกจากนี้ ชาวอินเดียยังนิยมซื้ออัญมณีไปใช้ในพิธีแต่งงานและพิธีอื่นๆทางศาสนาอินดูด้วย
ก่อนหน้านี้ สภาทองคำโลกออกรายงาน "Gold in the Year of the Tiger" ซึ่งระบุว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ ความต้องการทองคำในประเทศจีนมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเป็นสองเท่าจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากปริมาณการใช้เครื่องประดับและการลงทุนปรับตัวสูงขึ้น
รายงานดังกล่าวบ่งชี้ว่า ดีมานด์ทองคำในจีนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 13% ต่อปีภายในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา โดยจีนถือเป็นตลาดผู้ใช้ทองคำรายใหญ่อันดับสองของโลก และติดอันดับผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2550
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างข้อมูลของ WGC ว่า เฉพาะในปีพ.ศ.2552 เพียงปีเดียว ดีมานด์ทองคำสะสมในจีนมีมูลค่าสูงกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 11 ของดีมานด์ทองคำทั่วโลก และคาดว่าภายใน 10 ข้างหน้า ปริมาณการใช้ทองคำในจีนจะพุ่งขึ้นเป็นสองเท่าจากระดับปัจจุบัน และคาดว่าในระยะยาวนั้น ดีมานด์ทองคำในจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการของผู้ซื้อยังคงเพิ่มขึ้นแม้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม