ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (1 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาไร้ทิศทาง ท่ามกลางความหวังว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะผ่อนคลายลง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,496.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.95 จุด หรือ +0.02%
ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอวกาศและการป้องกันประเทศ เพิ่มขึ้น 1.1% โดยหุ้นโรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) ปรับตัวขึ้น 1.7% หลังผู้ผลิตเครื่องยนต์เครื่องบินรายนี้ระบุว่าสามารถชดเชยผลกระทบจากภาษีศุลกากรทั่วโลกเพื่อบรรลุเป้าหมายกำไรในปี 2568 ได้
แต่หุ้นลอยด์ส แบงก์กิง กรุ๊ป (Lloyds Banking Group) ร่วงลง 2.7% หลังรายงานว่ากำไรไตรมาสแรกลดลงเกือบ 7%
นอกเหนือจากผลประกอบการเชิงบวกโดยรวมที่ได้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในตลาดนั้น บัญชีโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องกับสื่อของรัฐบาลจีนระบุว่า สหรัฐฯ ได้ติดต่อจีนเพื่อเจรจาเกี่ยวกับภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่สูงถึง 145% ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าจีนเปิดกว้างต่อการเจรจา
ด้านปัจจัยภายในประเทศนั้น ผู้ซื้อบ้านในอังกฤษกู้เงินจำนองเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปีในเดือนมี.ค. เนื่องจากรีบเร่งซื้อบ้านก่อนสิทธิ์ลดภาษีสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ยังชี้ว่าผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคาดว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงภายในปีนี้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นลดลงอย่างมากก่อนการประชุมของ BoE ในสัปดาห์หน้า
ส่วนข้อมูลการส่งออกจากภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนเม.ย.หดตัวแรงที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี และแรงกดดันด้านต้นทุนเพิ่มขึ้นด้วย