ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับความตึงเครียดสหรัฐฯจีนคลี่คลาย

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (2 พ.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจผ่อนคลายลง รวมถึงข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่มีเสถียรภาพ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความเชื่อมั่นในการลงทุน

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 536.43 จุด เพิ่มขึ้น 8.83 จุด หรือ +1.67%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,770.48 จุด เพิ่มขึ้น 176.61 จุด หรือ +2.33%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,086.65 จุด เพิ่มขึ้น 589.67 จุด หรือ +2.62% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,596.35 จุด เพิ่มขึ้น 99.55 จุด หรือ +1.17%

ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงหนุนในเบื้องต้นจากถ้อยแถลงของกระทรวงพาณิชย์จีน ซึ่งระบุว่าจีนกำลังประเมินข้อเสนอของสหรัฐฯ เพื่อเปิดการเจรจาเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้า 145% ของสหรัฐฯ และยังเปิดรับการหารือต่อไป

ราคาหุ้นยังได้แรงหนุนหลังจากข้อมูลระบุว่า การจ้างงานในสหรัฐฯ ชะลอลงเพียงเล็กน้อยในเดือนเม.ย. และอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 4.2% ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากตัวเลข GDP ไตรมาสแรกของสหรัฐฯ หดตัวรุนแรง

ในฝั่งยุโรปนั้น ข้อมูลใหม่ระบุว่า ราคาสินค้าในยูโรโซนปรับขึ้นมากกว่าที่คาดในเดือนที่ผ่านมา และแรงกดดันด้านราคาพื้นฐานเร่งตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ไม่น่าจะเปลี่ยนแนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 3.4% ขณะที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 3%

สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นไอเอ็นจี กรุ๊ป (ING Group) ของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 7.4% หลังรายงานกำไรไตรมาสแรกดีกว่าที่คาด และประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 2 พันล้านยูโร, หุ้นแดนสเก แบงก์ (Danske Bank) พุ่งขึ้น 6% หลังธนาคารรายใหญ่ที่สุดของเดนมาร์กประกาศกำไรดีกว่าที่คาดเช่นกัน, หุ้นเชลล์ (Shell) พุ่งขึ้น 2.1% แม้รายได้สุทธิไตรมาสแรกลดลง 28% แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และหุ้นแอร์บัส (Airbus) ทะยานขึ้น 5.3% หลังรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่สูงเกินความคาดหมาย พร้อมยืนยันเป้าหมายทั้งปีนี้