ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (5 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่สถานการณ์ด้านสงครามการค้าและการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 537.31 จุด เพิ่มขึ้น 0.88 จุด หรือ +0.16%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,727.93 จุด ลดลง 42.55 จุด หรือ -0.55% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,344.54 จุด เพิ่มขึ้น 257.89 จุด หรือ +1.12%
ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการ เนื่องในวันหยุดธนาคาร
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 10 ซึ่งถือเป็นสถิติการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2564
หุ้นกลุ่มธุรกิจประกันภัยปรับตัวขึ้นนำตลาด โดยเพิ่มขึ้น 1.1%, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 0.8%, กลุ่มธุรกิจอวกาศและกลาโหมปรับขึ้นมากกว่า 1% และกลุ่มการเงินเพิ่มขึ้น 0.7%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 0.6% ตามราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะที่หุ้นเชลล์ที่จดทะเบียนในตลาดเนเธอร์แลนด์ร่วงลง 1.9% หลังมีรายงานว่าบริษัทกำลังหารือกับที่ปรึกษาเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการบริษัทคู่แข่งอย่างบีพี (BP)
ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนั้นเป็นปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (4 พ.ค.) ว่า สหรัฐฯ กำลังเจรจาการค้ากับหลายประเทศรวมถึงจีน โดยเป้าหมายหลักคือการบรรลุข้อตกลงการค้าที่เป็นธรรม
ผลการสำรวจพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนฟื้นตัวมากกว่าที่คาดในเดือนพ.ค. หลังจากร่วงลงแรงในเดือนเม.ย.เนื่องจากผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ แม้ระดับโดยรวมจะยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำก็ตาม
ส่วนความสนใจของตลาดยังอยู่ที่การตัดสินใจของธนาคารกลาง โดยเฉพาะเฟดซึ่งคาดกันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมวันพุธนี้ (7 พ.ค.) ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ก็จะประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้ (8 พ.ค.) เช่นกัน