ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพุธ (7 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แม้มีพัฒนาการเชิงบวกในเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างประเทศก็ตาม นอกจากนี้ นักลงทุนรอผลการตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังปิดตลาด ขณะที่คาดว่าตลาดจะได้อานิสงส์จากการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,559.33 จุด ลดลง 38.09 จุด หรือ -0.44%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ร่วงลงมากที่สุด 2.2% หลังสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) แต่งตั้ง วิเนย์ ปราสาท นักมะเร็งวิทยาที่เคยวิจารณ์การทำงานของ FDA และนโยบายโควิด-19 เป็นผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและประเมินผลทางชีววิทยาของ FDA
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) และจีเอสเค (GSK) ร่วงลง 1.8% และ 4.9% ตามลำดับ
หุ้นเรนโทคิล อินิเชียล (Rentokil Initial) ร่วง 3.3% หลังประกาศว่าซีอีโอที่ดำรงตำแหน่งมายาวนานจะเกษียณอายุ
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลง 1% หลังผลสำรวจอุตสาหกรรมก่อสร้างบ่งชี้ว่ากิจกรรมในภาคการก่อสร้างของอังกฤษหดตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนเม.ย.
ตลาดเผชิญแรงขาย แม้มีข่าวเชิงบวกเรื่องการค้าโลก โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนจะพบปะกันที่สวิตเซอร์แลนด์ในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการคลี่คลายสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อังกฤษเปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า อังกฤษและสหรัฐฯ มีความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงการค้า ซึ่งอาจรวมถึงการลดโควตาภาษีเหล็กและรถยนต์
บรรดานักลงทุนจับตาการตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยของเฟดหลังปิดตลาดด้วย ซึ่งคาดว่าเฟดจะยังไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย