ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 200 จุด ส่งสัญญาณการพักฐานของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากวานนี้
ณ เวลา 18.24 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 202 จุด หรือ 0.48% สู่ระดับ 42,291 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้พุ่งขึ้นเกือบ 3% ขานรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ได้พบปะกับนายเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่สวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า โดยเห็นพ้องให้มีการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรฝ่ายละ 115% เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้อัตราภาษีของสหรัฐที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีน ลดลงสู่ระดับ 30% จากเดิมที่ระดับ 145% ขณะที่อัตราภาษีของจีนที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ลดลงสู่ระดับ 10% จากเดิมที่ระดับ 125%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในคืนนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 2.4% เช่นกันในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. หลังจากปรับตัวลง 0.1% ในเดือนมี.ค.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.8% เช่นกันในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Thomas Laubach Research Conference ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันพฤหัสบดีที่ 15 พ.ค. เวลา 08.40 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเวลา 19.40 น.ตามเวลาไทย
ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์ที่แล้ว นายพาวเวลส่งสัญญาณไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟด
นักลงทุนพากันเลื่อนคาดการณ์ต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้เป็นเดือนก.ย. จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ค. หลังสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า ทำให้ลดแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้เฟดไม่จำเป็นต้องรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนก.ย.และต.ค.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนมิ.ย.และก.ค.
นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนต.ค.