ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 200 จุดในช่วงเช้าวันนี้ (19 พ.ค.) หลังจากมูดี้ส์ เรทติ้งส์ (Moody's Ratings) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ ลงสู่ระดับ Aa1 จากระดับ Aaa
ณ เวลา 06.13 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลง 261 จุด หรือ -0.61% แตะที่ระดับ 42,475 จุด
มูดี้ส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ จากระดับ Aaa ลงมาอยู่ที่ Aa1 เมื่อวันศุกร์ (16 พ.ค.) โดยให้เหตุผลว่า หนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น และภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็เพิ่มขึ้นด้วย
มูดี้ส์ระบุในแถลงการณ์ว่า "การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงหนึ่งขั้นสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้สาธารณะและภาระดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับที่สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ที่มีอันดับใกล้เคียงกันอย่างมาก"
อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ได้ปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จาก "เชิงลบ" กลับมาเป็น "มีเสถียรภาพ" หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนพ.ย. 2566 มูดี้ส์เคยปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จาก "มีเสถียรภาพ" เป็น "เชิงลบ"
แถลงการณ์ของมูดี้ส์ระบุว่า รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯ หลายชุดที่ผ่านมาไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับมาตรการที่จะหยุดปัญหาการขาดดุลงบประมาณรายปีจำนวนมากและภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังระบุว่า มูดี้ส์ไม่เชื่อว่าแผนงบประมาณปัจจุบันจะสามารถลดการใช้จ่ายของรัฐบาลหรือการขาดดุลงบประมาณได้อย่างมากในระยะยาว โดยในช่วง 10 ปีข้างหน้า มูดี้ส์คาดว่าการขาดดุลงบประมาณจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากการใช้จ่ายสำหรับโครงการสวัสดิการต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้ของรัฐบาลยังคงอยู่ใกล้เคียงระดับเดิม
มูดี้ส์ระบุว่า การขาดดุลงบประมาณที่ต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่จะผลักดันให้ภาระหนี้และดอกเบี้ยของรัฐบาลเพิ่มขึ้น โดยมูดี้ส์คาดว่า ภาระหนี้ของรัฐบาลกลางจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 134% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ภายในปี 2578 เทียบกับระดับ 98% ในปี 2567
นอกจากนี้ มูดี้ส์ระบุว่า ภายในปี 2578 การชำระดอกเบี้ยของรัฐบาลกลางอาจต้องใช้สัดส่วนถึงประมาณ 30% ของรายได้รัฐบาล เพิ่มขึ้นจาก 18% ในปี 2567 และ 9% ในปี 2564