ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันศุกร์ (23 พ.ค.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป (EU) และบริษัทสมาร์ตโฟนรายใหญ่อย่างแอปเปิล (Apple) ซึ่งจุดกระแสความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าโลกอีกครั้ง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 545.13 จุด ลดลง 5.14 จุด หรือ -0.93%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,734.40 จุด ลดลง 130.04 จุด หรือ -1.65%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,629.58 จุด ลดลง 369.59 จุด หรือ -1.54% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,717.97 จุด ลดลง 21.29 จุด หรือ -0.24%
ดัชนี STOXX 600 ปิดลดลงรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ และถือเป็นการร่วงในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 2568
ดัชนีความผันผวน (Euro STOXX Volatility index) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์
ทรัมป์ระบุว่า เขาจะเสนอให้เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU ในอัตรา 50% โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าหรูหรา ยา และสินค้าอื่น ๆ ต้องถูกเก็บภาษีในระดับสูง ขณะเดียวกันยังขู่ว่าจะเก็บภาษี 25% กับ iPhone ที่ขายในสหรัฐฯ แต่ไม่ได้ผลิตในประเทศ
หุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาษีมากที่สุด ร่วง 3.1% ขณะที่กลุ่มธนาคารซึ่งอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจร่วง 1.8% และกลุ่มสินค้าหรูหราร่วงลง 2.7% เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับตลาดสหรัฐฯ สูง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยุโรปอายุ 10 ปีปรับตัวลง เช่นเดียวกับพันธบัตรสหรัฐฯ เนื่องจากมีความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัว
บรรดานักลงทุนเริ่มคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะลดลงเหลือ 1.60% ภายในเดือนธ.ค. 2568 จากระดับ 1.72% ก่อนทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี EU